เป็นหุ้นอีกตัวที่นักลงทุนค่อนข้างคาดหวังสูงกับการเติบโต แต่ด้วยวิกฤตโควิดที่ผ่านมาทำให้สาขาร้านอาหารต้องปิดตัวไปมากถึง 80% ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาค่อนข้างแรงพร้อมกับผลประกอบการที่ถดถอยลง
แต่หลังจากวิกฤตโควิดผ่านมาเกือบ 2 ปี และมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายลง ทำให้ความคาดหวังเริ่มกลับมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่านักลงทุนจะคาดหวังผลประกอบการที่จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวในปีหน้า แต่ในไตรมาส 3 นี้ บริษัทอาจจะต้องทนกับการขาดทุนไปก่อน มีสาระสำคัญและประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้างใน M อยากจะมาเล่าสู่กันฟังครับ
M ดำเนินธุรกิจร้านอาหารประเภทสุกี้ยากี้ MK, ร้านอาหารญี่ปุ่น Yayoi Hakata Miyazaki, ร้านอาหารไทย ณ สยาม และ เลอ สยาม, ร้านกาแฟเบเกอรี่ Le Petit, ร้านข้าวกล่อง Bizzy Box และในปี 2019 เข้าซื้อ
ร้านอาหารแหลมเจริญ ซีฟู้ด ในสัดส่วน 65% นอกจากนี้ยังมีธุรกิจโรงงานครัวกลางถึง 3 แห่ง ลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในอนาคตอีกด้วย
ผลประกอบการของบริษัทเติบโตแบบ "ค่อยเป็นค่อยไป" ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2560 บริษัทมีรายได้ 1.64 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2.42 พันล้านบาท
ปี 2561 บริษัทมีรายได้ 1.72 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2.57 พันล้านบาท
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1.78 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 2.61 พันล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.36 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 907 ล้านบาท ** ช่วงเริ่มต้นของวิกฤตโควิด
.
ปี 2563 ผลประกอบการ 6 เดือน บริษัทมีรายได้ 6.07 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 93 ล้านบาท
ปี 2564 ผลประกอบการ 6 เดือน บริษัทมีรายได้ 5.72 พันล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 10.6 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยของฟินันเซีย มองผลประกอบการที่กำลังจะมาถึงของ M พอจะสรุปได้แบบนี้ครับ
1. คาดว่าไตรมาส 3 บริษัทน่าจะขาดทุนประมาณ 249 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 2 ของปีเดียวกันขาดทุนอยู่ที่ 99 ล้านบาท ซึ่งถือว่าแย่กว่าที่ตลาดคาดกันไว้ (ตลาดคาดว่าจะขาดทุนราวๆ 130 ล้านบาท)
2. สาเหตุสำคัญ คือ การปิดสาขาทางในร้านอาหาร และบางช่วงของเดือนมีการสั่งห้าม และการเพิ่มกฏเกณฑ์ในการ Delivery และ Takeaway ทำให้กระทบรายได้มากถึง 80% จึงขาดทุนยอดขายต่อสาขาจะลดลงราวๆ 40-55% ถือว่าแย่กว่าล๊อคดาวในช่วงไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว
3. บริษัทมีการปรับลดรายจ่ายลง ไม่ว่าจะเป็นการขอส่วนลดค่าเช่า ค่าใช้จ่ายพนักงาน แต่รายได้ที่กระทบหนัก และต้นทุน Fixed Cost ที่สูง ทำให้ผลการดำเนินงานอ่อนแอกว่าที่คาดกันเอาไว้มาก
4. ผลประกอบการ 9 เดือนปีนี้ บริษัทจะมีขาดทุนราวๆ 261 ล้านบาท แต่ไตรมาส 4 จะพลิกกลับมามีกำไรประมาณ 350-400 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีบริษัทจะกลับมามีกำไรสุทธิได้ราวๆ 113 ล้านบาท
5. การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และรายได้ที่เติบโตจากแบรนด์แหลมเจริญซีฟูดส์ จะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้บริษัทมีรายได้ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ
6. บริษัทมีแผนกลับมาเปิดสาขาเพิ่มอีก 18 สาขาใหม่ในไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้
7. ปี 2022 ฝ่ายวิจัยคาดว่า บริษัทจะมีกำไรสุทธิราวๆ 2.25 พันล้านบาท
มองจากภาพรวมแล้วระยะสั้นผลประกอบการอาจจะขาดทุน แต่ถ้ามองยาวๆแล้วปีหน้าจะเป็นปีฟื้นตัวของ M อย่างแน่นอนครับ
-------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฟินันเซีย