ถ้าพูดถึงหุ้นเปิดเมือง ก็ต้องพูดถึงหุ้นท่องเที่ยวและโรงแรม แต่หุ้นโรงแรมก็ขึ้นกันทั้งตลาดแล้ว จะซื้อตอนนี้ก็อาจจะสองจิตสองใจว่าซื้อดีไหม
แต่มีหุ้นอยู่บริษัทหนึ่งที่ถือได้ว่ายังขึ้นมาช้า (เพราะลงแรงมาก่อนหน้านี้) ต่ำกว่าราคา IPO และยังต่ำกว่าราคาพาร์อีกด้วย

หุ้นตัวนั้นคือ SHR หรือ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ...

ราคา IPO ของบริษัทอยุ่ที่ 5.20 บาท และราคาพาร์อยู่ที่ 5 บาท
ถ้าต่ำกว่าราคา IPO ยังพอจะเข้าใจได้ เพราะหุ้นหลายๆตัวก็เทรดกันต่ำกว่า IPO
แต่ถ้าบอกว่าต่ำกว่าราคาพาร์ด้วยนั้น อาจจะต้องมีสงสัยกันบ้าง
โดยสาเหตุที่ต่ำกว่าราคาพาร์ อาจจะเพราะว่าบริษัทเทรดเข้ามาได้ไม่นานก็เจอกับวิกฤตโควิดเล่นงานทันที กดดันบรรยากาศการลงทุนในหุ้นไทย เลยทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาแรงจากระดับ 5.20 บาท มาอยู่ที่ 1.41 บาท (ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 3.60 บาท)

หลังจากที่บรรยากาศในหุ้นไทยเริ่มชัดเจนขึ้น มีปัจจัยเชิงบวกเข้ามาและกระแสเรื่องของการเปิดเมือง ทำให้ SHR ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มโรงแรมกลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้ง
เรามาดูกันว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง จากบทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคทีบี ซึ่งมีประเด็นอยู่ 3 หัวข้อที่อยากจะเล่าสู่กันฟังครับ

1. การประชุมนักวิเคราะห์ ทีมผู้บริหารที่ผ่านมา โทนออกไปทาง "เป็นกลาง"
>> ภาพรวมของอัตราการเข้าพักจะดูดีขึ้นในไตรมาส 3 มาอยู่ที่ 52% จากเดิมในไตรมาส 2 ที่ 29% นำโดยกลุ่มโรงแรมที่อังกฤษและมัลดีฟท์

>> โรงแรมจะกลับมาเปิดอีกครั้งแบบเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคมปีนี้

>> บริษัทมีแผนขายโรงแรมที่อังกฤษออกไป โดยปีนี้มีเป้าขาย 1 แห่ง ปีหน้าจะอยู่ที่ 1-2 แห่ง แต่จะไม่มีนัยยะสำคัญอะไรมากกับผลประกอบการ เพราะกำไรไม่ได้เยอะมาก และมีการตี Fair value หมดแล้วตั้งแต่ที่ซื้อมาเมื่อช่วงต้นปี 21

>> เป้าหมายในอีก 3-5 ปีข้างหน้า มีเป้าหมายในการซื้อโรงแรมเพิ่มอีกในแทบ Asia-Pacific และในไทยฝั่งภาคใต้เป็นหลัก

2. ผลประกอบการไตรมาส 3 จะยังขาดทุน หลังจากนั้นจะเป็นการฟื้นตัวโดดเด่น โดยเฉพาะจากกลุ่มโรงแรมในอังกฤษ
ผลประกอบการไตรมาส 3 ฝ่ายวิจัยคาดว่าน่าจะขาดทุน 320 ล้านบาท (จากเดิมขาดทุนไตรมาส 2 อยู่ที่ 600 ล้านบาท) ที่น่าสนใจ คือ RevPar จะฟื้นตัวได้จากถึง 200% ในไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้

3. บริษัทจะกลับมากำไรในปีหน้า นำโดยธุรกิจโรงแรมที่มัลดีฟท์ (โครงการ CrossRoad)
ฝ่ายวิจัยคาดว่าปีหน้า บริษัทน่าจะมีกำไรอยู่ที่ราวๆ 81 ล้านบาท จากปี 2021 ที่ขาดทุนระดับ 1.4 พันล้านบาท นำโดยธุรกิจโรงแรมในอังกฤษที่คนกว่า 70% ได้รับวัคซีนแล้ว และธุรกิจที่มัลดีฟท์ จะมี Occ. Rate เพิ่มขึ้นถึง 70% เพราะเป็นช่วง High Season

ฝ่ายวิจัยมองว่า SHR ควรเทรดในระดับที่ "พรีเมี่ยม" กว่ากลุ่ม เพราะมีสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศกว่า 90% ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับโรงแรมกลุ่มอื่น  และภาพรวมการท่องเที่ยวในต่างประเทศจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าไทย

------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคทีบี