สมัยเรียนชั้นประถมเคยเดินเข้าไปเฉียดสถานที่ที่เขาเรียกกันว่า “โบรกเกอร์” ประตูทางเข้าเป็นกระจกดำๆ มีผู้ใหญ่มากมายต่อคิวอยู่ในนั้นดูกระดานที่มีตัวเลขวิ่งไปวิ่งมา
กระเล่นหุ้นในสมัยก่อนเหมือนการเข้าไปแทงหวยในห้องกระจก เนื่องจากข้อมูลของบริษัทสามารถเข้าถึงได้ยาก การซื้อขายต้องเดินเข้าไปซื้อขายกับเจ้าหน้าที่โบรคเกอร์ บรรยากาศห้องค้าก็ดูลับๆ ลวงๆ ข่าวลือในห้องค้าแพร่สะพัดไปทั่ว แต่ความรู้ด้านการวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นหรือการดูกราฟกลับถูกก็สอนกันเฉพาะวงในหรือคนที่ทำงานในด้านไฟแนนซ์เท่านั้น
คนส่วนใหญ่ซื้อขายหุ้นเพราะความโลภ..ความกลัว.. จึงเป็นเหยื่อของตลาดหุ้น ซื้อหุ้นผิดจังหวะ มักเจ๊งเสมอ T__T
เคยไหม? เวลาเราไปคุยเรื่องหุ้นกับผู้ใหญ่หลายๆคน จะมีคนพูดว่าอย่าเล่นหุ้นเพราะมันเสี่ยง หรือมันคือการพนันที่ถูกกฏหมาย อะไรก็แล้วแต่เพราะในสมัยก่อนคนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะเข้าใจการลงทุนในหุ้น ยิ่งถ้าเคยขาดทุนจากหุ้นในสมัยวิกฤติเศรษฐกิจมาแล้ว บางคนถึงกับสั่งลูก-หลาน ห้ามยุ่งกับตลาดหุ้นอีกเลย!!
ตรงกันข้ามกับแนวคิดของเด็กรุ่นใหม่ พวกมิลเลนเนียล เจนวาย อาศัยอยู่ในยุคสมาร์ทโฟน สังคมก้มหน้า มองว่าเทคโนโลยีทำให้การซื้อขายหุ้นออนไลน์ทำได้ง่าย แค่จิ้มๆมือถือก็ได้หุ้นมาอยู่ในพอร์ตเรียบร้อย
ยิ่งในช่วงเวลา 4-5 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นสูงมาก อาจเห็นคนรอบๆตัวได้กำไรเยอะ ใครๆก็เล่นหุ้นกันทั้งนั้น ด้วยความกล้าและชอบสบาย จึงมีความฝันอยากเล่นหุ้นเป็นอาชีพ ด้วยความที่ไม่เคยเจ๊ง เลยไม่เคยกลัวอะไร เหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อน
เพราะคนรุ่นใหม่มักถูกสอนว่าการลงทุนในเงินฝาก ได้ดอกเบี้ยแค่ 0.5% มันน้อยจนขาดทุนเงินเฟ้อ เลยต้องเล่นหุ้น
แต่แล้วเราก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับหุ้น หนังสือไม่เคยอ่าน โรงเรียนก็ไม่ได้สอน จึงเล่นหุ้นตามเพื่อนบอก แล้วก็เจ๊งไปพร้อมๆกัน
แล้วจะทำอย่างไรให้ไม่เจ๊งหุ้น?? ติดตามได้ในบทความตอนต่อไปของเราเลยจ๊ะ..