ดูเหมือนว่าภาพของ STGT ที่นักลงทุนมองว่าน่าจะสดใส เพราะคนจะหันมาใช้ถุงมือยางกันมากขึ้น อาจจะไม่สดใสและไม่ได้สวยอย่างที่นักลงทุนคาดกันไว้ซะแล้ว สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง จากระดับราคาสูงสุดที่ 49 บาท มาแตะระดับ 30 บาทในปัจจุบัน
STGT หรือ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมอื่น โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ถุงมือยางธรรมชาติชนิดมีแป้ง ถุงมือยางธรรมชาติชนิดไม่มีแป้ง และถุงมือยางไนไตรล์
ถ้าเราดูผลประกอบการย้อนหลังของ STGT ก็ต้องยอมรับว่าเติบโต "อย่างก้าวกระโดด"
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1.21 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 634 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 30.69 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 14.4 พันล้านบาท
.
ปี 2564 ผลประกอบการในรอบ 6 เดือน บริษัทมีรายได้ 28.53 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 17.33 พันล้านบาท
และคาดว่าผลประกอบการของปีนี้น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้ไม่ยาก (เพราะ 6 เดือน ก็แตะจุดสูงสุดใหม่ไปแล้ว...)
ถึงแม้ผลประกอบการจะออกมาดีมาก แต่ราคาหุ้นกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ... มาจากสาเหตุอะไร ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กรุงศรี วิเคราะห์ถึงปัจจัยบวกและปัจจัยลบของ STGT เอาไว้ได้น่าสนใจ
(+) แง่ของปัจจัยบวก คือ บริษัทมีการผลิตที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 39% มาอยู่ที่ 5 หมื่นล้านชิ้นต่อปี รวมถึงราคาน้ำยางที่ลดลงประมาณ 16%
(-) แต่ปัจจัยลบกลับน่ากังวลมากกว่า คือ "ราคาขายลดลง" มาจากกำลังการผลิตถุงมือยางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากจีน ....
ฝ่ายวิจัยคาดว่า ปริมาณความต้องการถุงมือยางทั่วโลกจะอยู่ราวๆ 15-20% โดยเฉลี่ย แต่สำหรับการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ทำให้ความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อ ส่งผลให้ราคาขายถุงมือยางต่อชิ้นมีแนวโน้มลดลง
ฝ่ายวิจัยคาดว่า ราคาขายเฉลี่ยจะลดลงราวๆ 33% ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2564 ของ STGT จะอยู่ราวๆ 25.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นฐานที่สูง และผลประกอบการในปี 2565 จะลดลงมากถึง 53% มาอยู่ที่ 13.1 พันล้านบาท ทำให้ฝ่ายวิจัยต้องปรับราคาเป้าหมายของ STGT ลง และแนะนำเป็นเพียง "ถือ" เท่านั้น
สรุปแล้วฝ่ายวิจัย มองว่า ความเสี่ยงของ STGT มีมาก โดยสาเหตุหลักๆคือ
1. ความต้องการขายทั่วโลกฟื้นตัวได้เร็วกกว่าความต้องการขาย ทำให้ราคาถูก กระทบกับกำไรของบริษัท
2. ความเสี่ยงดาวไซด์จากราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำลง
3. ปัจจัยอื่นๆ เช่น ปัญหาเรื่องของการขนส่ง ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ต้นทุนของบริษัทสูงขึ้น
ภาพไม่สวยซะแล้วสำหรับ STGT นักลงทุนจำเป็นจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดครับ
-------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล