ในตลาดหุ้น จะมีคนอยู่ประเภทหนึ่ง
ที่มองโลกแทบทุกอย่างในแง่ร้าย
-> SET 1600 ก็ว่าเดี๋ยวเหอะ ได้ลงไป 1400
-> พอ SET ลงไป 1400 ก็ว่าเด๋วลงไป 1200
-> พอ SET ลงไป 1200 ก็ว่าเจอกันที่ 1000 เดียว
-> พอ SET ลงไป ต่ำพันจริงๆ ก็บอกเจอกันที่ แปดร้อย พ่อว่าจะหวดไม่ยั้ง
สุดท้ายเมื่อวิกฤตผ่านไป แต่เขาแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
อุตส่าห์ได้เป็นสักขีพยาน ในวิกฤตการณ์ระดับ 10 ปีมีครั้ง
เป็นคนชอบต่อราคา แต่ถึงเวลา กลับไม่กล้าซื้อ
ถึงจะซื้อบ้าง ก็ซื้อแบบแหยงๆ นิดๆหน่อยๆ
เพราะกลัวติดดอยมากๆๆ
ในเมื่อเป้าหมายหลังโควิด คือกลับไปที่ Pre-Covid (1600)
แล้วจึงค่อยไปต่อ ตามสภาพการณ์ของแต่ละประเทศ
ทุกประเทศเป็นแบบนั้น
การซื้อหุ้นดี ที่ SET 1400
แล้ว SET ลงไปใหม่อีกรอบเหลือ 1200 ก็ไม่เห็นเป็นไร
เพราะคุณไม่ได้ติดดอย ... แค่ซื้อคอยที่ราคาเป้าหมาย
ตอนเดือนก.ค.ปีนี้ SET จัดสัมมนาธีม Reopening ผมไปร่วมด้วย
ในสัปดาห์ที่กำลังจะปิดเมืองอีกรอบจากระลอก 4
คนกลุ่มเดิมนี่แหละ ก็จะมองแง่ร้าย ว่าบ้าแล้ว ...
SET มาจัดเสวนา Reopening อะไรกันตอนจะปิดเมือง
คือหุ้น Reopening มันเหมาะสมที่สุด ที่จะคุยตอน Closing
เพราะมันจะมีแรงขายออกมา เพราะมันเป็นข่าวร้ายระยะสั้น
และมันเป็นการจ่ายตลาด ตอนตีห้า
ของดีราคาถูก จึงจะปรากฏ
หุ้นทุกกลุ่ม ที่พูดคุยเสวนากัน
ซื้อช่วงนั้น ก็จะมียุบตัว มีแดง ให้เห็นบ้าง
ซึ่งก็ไม่เห็นเป็นไร
เพราะคุณไม่ได้ติดดอย ... แค่ซื้อคอยที่ราคาเป้าหมาย
เดือนตุลาคม หุ้นตามธีมเหล่านั้น มาเขียวได้ครบทุกตัวแล้ว
ยิ่ง Roadmap เปิดประเทศชัดเจน ก็ยิ่งมี sentiment เชิงบวก
สนามบินมาแล้ว
โรงแรมมาแล้ว
โรงพยาบาลมาแล้ว
สื่อสารมาเขียวแสบตา
รถไฟฟ้ากำลังมา
ห้างกำลังมา
ฯลฯ
เมื่อทุกอย่างเริ่มเคลียร์ เมื่อคำตอบเริ่มเฉลย เมื่อหุ้นเริ่มขึ้น
เมื่อม้าวิ่งเข้าเส้นชัย
คนกลุ่มเดิม ที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายนี่แหละ
จึงจะถามว่า ...
"ตอนนี้ยังซื้อหุ้น Reopening ทันไหม? "
ก็ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปสำหรับคำถามนี้นะครับ
ประเด็นที่อยากจะสื่อ คือ คนลงทุนในหุ้น
ควรต้องเป็นคนมองโลกในแง่ดี (เชื่อว่าเป็นขาขึ้นในระยะยาว)
แต่ไม่ได้เป็นคนโลกสวย
ควรต้องเป็นคนขี้ระแวงสงสัย (เพื่อค้นหาศึกษาข้อมูล )
แต่ไม่มองแง่ร้ายจนไม่กล้าทำอะไร
เพราะ SET ที่ระดับ 1650 บวกลบ นี่ก็ไม่ได้ถูก
การเข้าใจพื้นฐาน ลำดับการฟื้นตัว
เข้าใจการหาหุ้นที่ยัง Laggard
และ เข้าใจการทำ sector rotation ของแต่ละกลุ่ม