"หุ้นทุกตัวที่ผมมีอยู่ในพอร์ต มีไว้เพื่อขาย"
นี้คือคำพูดของสุดยอดผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง จอห์น เนฟ โดยแสดงให้เห้นว่าหุ้นทุกตัวมีไว้เพื่อขาย ไม่ได้มีไว้เพื่อถือ เขาพร้อมที่จะประเมินมูลค่าหุ้นทุกตัวอย่างตรงไปตรงมาและไม่ปล่อยให้ "ความรัก" เข้ามามีผลต่อความคิดอ่านของเขา หากหุ้นตัวไหนดี และมันต่ำกว่ามูลค่า เขาก็ยินดีถือมันเป็นปีๆ แต่ถ้าตัวไหนที่พุ่งแรงจนเกินกว่ามูลค่า เขาก็พร้อมที่จะขายมันออกไปโดยไม่ลังเล
จริงๆแล้วเรื่อง "หลงรักหุ้น" เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในใจเราได้ ... เคยมีคำพูดไว้ว่า "ความรักทำให้คนตาบอด" สำหรับเรื่องของหุ้นก็เช่นเดียวกัน
... การที่เรารักหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ทำให้เราเกิดความไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะหุ้นที่สร้างกำไรให้เราได้อย่างมหาศาล ทำให้เราเกิดความรู้สึก "รัก" และอยากจะถือมันในพอร์ตตลอดไป แล้วถ้าหากว่าวันหนึ่งพื้นฐานของกิจการเกิดเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงโดยที่เราไม่ได้สังเกตเห็น หรือเห็นแต่กลับทำเป็นมองข้ามไป ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
การตกหลุมรักหุ้น มักจะเกิดขึ้นในจังหวะที่เป็นตลาดหุ้นขาขึ้น ... อย่างยาวนานแล้ว
เมื่อหุ้นขึ้น ทำให้เราคิดว่าตัวเราเก่ง และหุ้นของเรามันก็เป็นหุ้นคุณภาพดีโดยลืมนึกไปว่า ราคาหุ้นที่ขึ้นมา เกิดจากตลาดหุ้นขึ้นต่างหาก
"ในช่วงตลาดขาขึ้น แม้แต่หมูก็สามารถบินได้" ...
รักหุ้น ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะความรักทำให้เราเกิดพลังที่จะทำสิ่งต่างๆด้วยความตั้งใจ
ถ้าเรารักหุ้น เราก็จะศึกษามัน และติดตามมันไปเรื่อยๆ
แต่ประเด็นคือ ถ้าเรารักแล้วใช้ใจนำ แต่ไม่ได้ใช้สมองนำ จะเกิดความเสียหายต่อพอร์ตการลงทุนดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
อย่าลืมว่าหุ้นมีให้ซื้อขายทุกวัน อยากได้เมื่อไรก็สามารถไปซื้อได้ ไม่จำเป็นต้องเก็บหุ้นเอาไว้ เพราะท้่ายที่สุดแล้ว หุ้นมันก็ไม่รู้หรอกว่าเรากำลังถือมันอยู่
จำไว้ว่า ต้องใช้สมองนำจิตใจ เสมอในโลกของการลงทุน อย่ารักหุ้นจนทำให้ "ตาบอด" นั้นเองครับ