KTB คือหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่แน่นอนว่ามีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ผลประกอบการของบริษัทก็ทำกำไร มีจ่ายปันผลมาโดยตลอด ในระดับ 4-6% ต่อปี และที่สำคัญราคาหุ้นถือว่าถูกมากๆถ้าวัดจากอัตราส่วนสำคัญไม่ว่าจะเป็นค่า P/E หรือ P/BV
... โดย หุ้น KTB เทรดกันที่ P/E ระดับ 7 เท่า และ P/BV ประมาณ 0.48 เท่า และอัตราปันผลเทียบกับราคาหุ้นอยู่ราวๆ 6.7%
ผลประกอบการย้อนหลังของ KTB อาจจะไม่ได้เติบโต แต่ก็ถือว่ามีความมั่นคงมากระดับหนึ่ง
ปี 2560 บริษัทมีรายได้ 1.23 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.24 หมื่นล้านบาท
ปี 2561 บริษัทมีรายได้ 1.17 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.28 หมื่นล้านบาท
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1.25 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.29 หมื่นล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.22 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.67 หมื่นล้านบาท
.
ปี 2564 ในรอบ 6 เดือน บริษัทมีรายได้ 5.75 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.15 หมื่นล้านบาท
รายได้และกำไรค่อนข้าง "คงที่" ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาหุ้นควรจะมีมูลค่า "มากกว่านี้" ถ้าให้เท่ากับมูลค่าทางบัญชีเลย ราคาหุ้นจะอยู่ราวๆ 24.5 บาท ในขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ระดับ 11-12 บาท เท่านั้น
เพราะสาเหตุอะไรทำไมนักลงทุนถึงให้คุณค่ากับหุ้น KTB น้อยขนาดนี้
บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ให้ความเห็นว่า KTB เป็นหุ้นแบงก์ที่น่าสนใจน้อยที่สุดด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ
1. KTB มีการลงทุนเล็กน้อยมากในการเป็นแพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัล ต่างจากแบงก์อื่นๆที่พยายามปรับตัวอย่างมาก ธุรกิจส่วนใหญ่ของ KTB ยังต้องพึ่งพารายได้จากธนาคารแบบดั้งเดิม และด้วยปัจจัยนี้เองทำให้ KTB กำลังสูญเสียความสามารถไปเรื่อยๆ
2. การเติบโตของ KTB ถูกบดบังโดยส่วนต่างดอกเบี้ยที่ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อไปมีสินเชื่อภาครัฐ
เพิ่มขึ้น
3.ด้วยความที่ภาครัฐถือหุ้นใหญ่ ทำให้ KTB ต้องเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆจากภาครัฐ (ซึ่งกำไรน้อย หรือแทบจะไม่มีกำไรเลย)
บทวิเคราะห์ยังมองอีกด้วยว่ากำไรสุทธิของบริษัทที่จะประกาศไตรมาส 3 นี้ จะอยู่ราวๆ 4.56 พันล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 49% ซึ่งมาจากฐานต่ำ แต่จะลดลง 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว โดยสาเหตุมีทั้งในแง่ดี และแง่ลบ
... ในแง่ดี คือ การเติบโตของสินเชื่ออยู่ในระดับสูง ประมาณ 2.5% ซึ่งมาจากสินเชื่อจากภาครัฐ และคุณภาพสินทรัพย์ก็กว่าเพื่อนในกลุ่มอีกด้วย เนื่องจากว่า 70% ของพอร์ตเป็นสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจาก COVID น้อยที่สุด
... ในแง่ลบ คือ รายได้จากค่าธรรมเนียมลดลงมากจากการเป็น "แขนขา" ให้กับรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ผลตอบแทนสินเชื่อยังอยู่ในช่วงขาลงหลังสินเชื่อภาครัฐเพิ่มสูงขึ้น
โดยสรุปแล้ว 3 ปัจจัยที่ทำให้ KTB ไม่โดดเด่น และอีก 1 ผลประกอบการที่น่าจะออกมาไม่ได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับนักลงทุน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ KTB เป็นหุ้นที่น่าสนใจน้อยที่สุดในกลุ่มแบงก์ นั้นเอง
-------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฟินันเซีย