หากพูดถึงอุตสาหกรรมพลังงานแล้ว “น้ำมัน” ถือเป็นเชื้อเพลิงและปัจจัยสำคัญที่หลายๆอุตสาหกรรมต้องพึ่งพาการ โดยเฉพาะใช้น้ำมันในอุตสาหกรรมขนส่งและปิโตรเคมี แต่ในปัจจุบัน เรามีทางเลือกพลังงานทดแทนอื่นๆ มากกว่าแต่ก่อน จึงอาจทำให้ความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาน้ำมันนั้นลดลง
ลองมาดูกันดีกว่า ว่าที่ผ่านมา เราใช้พลังงานหลักจากแหล่งไหนกันบ้าง
ในศตวรรษที่ 19 เน้นใช้เชื้อฟืนจากไม้และค่อยๆพัฒนามาเป็นการใช้ถ่านหิน
ในศตวรรษที่ 20 พัฒนามาเป็นการใช้น้ำมันเป็นหลัก
ที่ผ่านมา เราเน้นการใช้พลังงานจากแหล่งใดแหล่งหนึ่งเป็นหลัก แต่ในศตวรรษที่ 21 ที่มีทางเลือกมากมายนั้น เราจะไม่พึ่งพาพลังงานจากแค่เพียงแหล่งแห่งเดียวอีกต่อไป มาดูกันว่าแต่ละทางเลือกนั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไร มีการใช้ที่เหมาะสมอย่างไร และทิศทางในอนาคตจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
ถ่านหิน
แน่นอนว่าถ่านหิน คงไม่อาจเป็นพลังงานหลักที่จะมาแทนน้ำมันในศตวรรษที่ 21
แม้จีนกับญี่ปุ่นจะมีการเปิดโรงงานเพิ่ม
แต่ราคาหุ้นพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินในสหรัฐกลับลดลง 17% นับตั้งแต่ปี 2005 เหตุเพราะว่าถ่านหินก่อมลภาวะมากเกินไป
นิวเคลียร์
หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดใน Fukushima แล้ว ทำให้โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์หลายๆแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ทยอยกันปิดตัวลงไป
พลังงานธรรมชาติ
ต้องถือว่าในช่วงที่ผ่านมา พลังงานธรรมชาติประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก เนื่องจากมีลดการสร้างพลังงานถ่านหินและเปลี่ยนมาเป็นการสร้างพลังงานธรรมชาติ ซึ่งกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 45% นับจากปี 2005
โดยพลังงานลมเป็นพลังงานที่ราคาถูกที่สุดในสหราชอาณาจักรและเยอรมัน ส่วนพลังงานแสงอาทิตย์นั้นมีความต้องการสูงมากขึ้น เนื่องจากราคาแผงลดลงมามากถึง 95% นับจากปี 2008
น้ำมัน
น้ำมันยังคงเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งในปัจจุบันมีกำลังผลิตมากขึ้นจากสหรัฐ อิหร่านและซาอุดิอะราเบียยังคงต้องการส่วนแบ่งการตลาด ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะอยู่ระดับต่ำไปอีกพอสมควร
อย่างไรก็ตาม แหล่งพลังงานเหล่านี้ อาจไม่ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับน้ำมัน เพราะน้ำมันนั้น ถือเป็นพลังงานหลักสำหรับยานยนต์ เช่น รถ เครื่องบิน เรือ
ในขณะที่พลังงานอื่นๆ ถือว่าเป็นพลังงานหลักในการใช้ผลิตไฟฟ้าแทน
จนกว่าจะถึงวันที่พลังงานจากแหล่งอื่นๆ สามารถมาแทนที่น้ำมันได้ เราคงต้องรอให้รถยนต์สามารถใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมันได้อย่างเต็มรูปแบบเสียก่อนก็เป็นได้
ที่มา: Bloomberg http://goo.gl/EbAPL4