สรุปสาระสำคัญ
- หนี้ครัวเรือนไทย ณ ไตรมาส 2 ปี 2021 อยู่ที่ 14.3 ล้านล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า และสูงที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนา
- การขยายตัวของหนี้ครัวเรือนในไตรมาส 2 นำโดยสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นหลัก เนื่องจากครัวเรือนยังมีความต้องการสินเชื่อทดแทนสภาพคล่องที่ลดลงในช่วงเศรษฐกิจซบเซา
- สถาบัน EIC SCB คาดว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยจะยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยปัญหาหนี้สูงจะยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวของการใช้จ่าย และฐานะทางการเงินของภาคครัวเรือนในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "กลุ่มผู้มีรายได้น้อย"
- EIC สำรวจพบว่าผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่กำลังเจอกับปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ และมากกว่า 1 ใน 4 ของกลุ่มคนนี้มีปัญหา "อย่างหนัก"
- สิ่งที่ภาครัฐพอจะทำได้ คือ ออกมาตรการช่วยเหลือ ปรับโครงสร้างหนี้ เหยียวยารายได้จากการปิดเมือง เพิ่มอัตราการจ้างงาน
========================
สถาบัน EIC SCB ออกบทวิเคราะห์ภาพของเศรษฐกิจไทยในระดับครัวเรือน โดยบทวิเคราะห์แสดงความเห็นว่านี้ครัวเรือนไทย ณ ไตรมาส 2 ปี 2021 อยู่ที่ 14.3 ล้านล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องกว่า 5% ซึ่งเป็นการขยายตัวเร่งขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า และยังนับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ไตรมาส โดยเป็นการเติบโตแบบเร่งตัวในสินเชื่อจากกลุ่มผู้ให้กู้ยืมหลัก
มื่อพิจารณาในรายละเอียดที่มาของการเร่งตัวของสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ พบว่า เกิดจากการขยายตัวที่เร่งขึ้นของสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นสำคัญ โดยในไตรมาส 2 ปี 2021 ยอดคงค้างของสินเชื่ออุปโภคบริโภคในระบบธนาคารพาณิชย์เติบโต 5.7%YOY เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่เติบโต 5.3%YOY ตามการกู้ยืมสินเชื่อส่วนบุคคล (สัดส่วน 22.5% ต่อสินเชื่ออุปโภคบริโภครวมในระบบธนาคารพาณิชย์) ที่เร่งตัวขึ้นเป็นหลัก โดยเติบโตสูงที่ 8.4%YOY เร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อนหน้าที่เติบโต 5.9%YOY ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนอื่นในระบบธนาคารพาณิชย์
มีแนวโน้มทรงตัวหรือชะลอตัวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เติบโตในอัตราเท่ากับไตรมาสก่อนหน้าที่ 6.8% ขณะที่สินเชื่อรถยนต์และบัตรเครดิตมีการชะลอตัวลงในช่วงเวลาเดียวกัน
ลักษณะการเติบโตของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ที่นำโดยสินเชื่อส่วนบุคคล ประกอบกับการเติบโตในอัตราที่สูงและเร่งขึ้นของสินเชื่อจากบริษัทบัตรเครดิต ลิสซิ่ง และสินเชื่อส่วนบุคคล สะท้อนถึงแนวโน้มการกู้ยืมเพื่อนำมาใช้จ่ายทดแทนสภาพคล่องที่หายไปตามรายได้ที่ลดลงของภาคครัวเรือนที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตของหนี้ครัวเรือนในช่วงนี้ และเป็นเทรนด์ที่ดำเนินมาต่อเนื่องในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับข้อมูลประกอบจาก Google Trends ในส่วนของการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับ “เงินกู้” “เงินด่วน” ซึ่งจากผลการค้นหาที่ปรากฏ สามารถเป็นได้ทั้งหนี้ในและนอกระบบ โดยล่าสุดแม้ดัชนีจะมีแนวโน้มชะลอลงบ้างในไตรมาส 3 แต่ก็ยังสูงกว่าระดับก่อนโควิดอย่างมีนัยสำคัญ
สะท้อนถึงความต้องการที่ยังสูงของผู้บริโภคต่อสินเชื่อเพื่อนำมาเป็นสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในช่วงที่รายได้ซบเซา อย่างไรก็ดี สถาบันการเงินส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังในการให้สินเชื่อโดยเฉพาะสำหรับกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย ทำให้ความต้องการสินเชื่อที่ยังมีสูงอาจไม่ได้ถูกเติมเต็มได้อย่างครอบคลุมด้วยสินเชื่อในระบบ จึงมีความเสี่ยงที่บางส่วนอาจต้องหันไปพึ่งพาหนี้นอกระบบที่มักมีดอกเบี้ยที่สูงกว่ามาก อันจะก่อให้เกิดปัญหาภาระหนี้สินล้นพ้นตัวได้ในอนาคต
... อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก Bank of International Settlement เผยว่า แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยจะลดลงมาบ้างจากจุดสูงสุด แต่ไทยก็ยังไม่หลุดจากการเป็นประเทศที่หนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงที่สุดในกลุ่มประเทศ
กำลัง
EIC มองว่ามาตรการช่วยเหลือของภาครัฐและสถาบันการเงินก็จะมีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนให้กระบวนการ deleveraging ของภาคครัวเรือนเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเสถียรภาพภาคการเงินมากนัก ทั้งมาตรการเยียวยาด้านรายได้โดยเฉพาะสำหรับครัวเรือนกลุ่มเปราะบางการสนับสนุนการจ้างงาน การปรับ-เพิ่มทักษะแรงงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการหารายได้ของภาคครัวเรือน การปรับโครงสร้างหนี้ให้ภาระการผ่อนชำระสอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงและฟื้นช้า ไปจนถึงการเสริมสภาพคล่องแก่ภาคครัวเรือนกลุ่มเปราะบางเพื่อลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบซึ่งจะทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนรุนแรงขึ้น
บทวิเคราะห์โดย ... https://www.scbeic.com/th/detail/product/7846
โดย : Economic Intelligence Center (EIC)
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
EIC Online: www.scbeic.com
Line: @scbeic