Jacob Little : Short The Panic of 1837
เจ้าของฉายา "หมีผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอลล์สตรีท" Jacob ได้ทำการ Short หุ้นเอาไว้ เพราะมองว่าตลาดหุ้นในช่วงนั้นว่าเป็นฟองสบู่ ราคาที่ดิน ราคาฝ้าย ราคาทาส สูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดการกู้เงินมาเก็งกำไรโดยใช้ฝ้ายเป็นหลักประกันจำนวนมาก จนวันที่ราคาฝ้ายตกลงเนื่องจากมีจำนวนฝ้ายล้นตลาด จึงทำให้เริ่มมีการผิดชำระมากขึ้น ผู้คนตื่นตระหนกจึงแห่ขายหุ้นตาม จนนำไปสู่วิกฤติการเงินรุนแรงครั้งใหญ่ในปี 1837 แต่คนที่ร่ำรวยจากเหตุการณ์ครั้งนั้น คือ Jacob นั่นเอง
Jesse Livermore : Short The Panic of 1907
ชายผู้บุกเบิกการซื้อขายหุ้นรายวัน ปี 1906 เขาเคยชอร์ตหุ้นของบริษัทรถไฟยูเนียนแปซิฟิก ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ซาน ฟรานซิสโก จนทำเงินได้ 250,000 เหรียญ ก่อนจะมาร่ำรวยอีกครั้งจากวิกฤติการเงินปี 1907 ซึ่งเขาได้ขอร์ตหุ้นครั้งใหญ่ นำไปสู่การทำเงิน 3 ล้านเหรียญภายในวันเดียว จน J. P. Morgan ถึงกับขอให้เขางดการชอร์ตหุ้นเพิ่ม
Bernard E. Smith : Short The Wall Street Crash
เจ้าของวลี “ขายมันให้หมด มันไม่มีค่าแล้ว” ในวันวิกฤติ Black Tuesday ปี 1929 แต่เขาทำเงินได้ 1 ล้านเหรียญจากการชอร์ตหุ้นบริษัทขนาดกลางแห่งหนึ่ง เขาสงสัยว่าทำไมหุ้นถึงทำ New High ทุกวัน จึงขับรถไปดูบริษัท เมื่อเดินดูรอบๆโรงงาน และพบว่ามีควันออกมาจากปล่องควันเพียงหนึ่งในห้าของโรงงานเท่านั้น เขาจึงรีบชอร์ตหุ้นทันที หลายสัปดาห์ต่อมา หุ้นก็ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดเผยถึงรายได้ที่ย่ำแย่
Michael Steinhardt : Long Position Treasury Bond in 1981
ราชาแห่งการลงทุนระยะสั้น ในปี 1981 Steinhardt เชื่อว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างมาก เขาจึงใช้เงินสดจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นเงินประกันเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีมูลค่า 250 ล้านเหรียญแบบใช้ Leverage 4 ต่อ 1 และรอให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ในท้ายที่สุด ธุรกรรมนี้สามารถทำเงินให้เขาได้อีก 40 ล้านเหรียญสหรัฐ
John Templeton : ซื้อหุ้นราคาต่ำดอลลาร์ช่วงสงครามโลก
ปี 1939 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังปะทุขึ้น John ได้เห็นหุ้นจำนวน 104 ตัว มีราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ เขาจึงสั่งให้ผู้ช่วยซื้อหุ้นด้วยเงิน 100 ดอลลาร์ทุกตัว หุ้นของบริษัทรถไฟมิซซูรี่-แปซิฟิก จาก 7 ดอลลาร์ เหลือแค่ 0.12 ดอลลาร์เท่านั้น ปรากฎว่าธุรกิจรถไฟสามารถเติบโตได้ดีในช่วงสงคราม เขาจึงได้ผลตอบแทนจากหุ้นรถไฟตัวนี้ไปถึง 40 เท่า
James Keene : ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสุดในวิกฤติ Great Depression
หนึ่งในผู้เห็นโอกาสจากวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อเขาตัดสินใจจะออกจากนิวยอร์คเพื่อไปพักร้อนที่ยุโรป ระหว่างที่กำลังจะออกเดินทางนั้น เขาเห็นหุ้นจำนวนมากราคาตกต่ำ เกิดจากนักลงทุนที่พากันเทขายเพราะความตกใจ เขาจึงตัดสินใจเอาเงินไปซื้อหุ้นแทน ด้วยเงินทั้งหมดที่มีเป็นจำนวน 4 ล้านเหรียญ อีก 2-3 ปีต่อมา เขาจึงออกเดินทางใหม่ ด้วยเงินที่เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านเหรียญ