เรื่องของราคาน้ำมันถือเป็นประเด็นที่ไม่ใช่แค่นักลงทุนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเท่านั้น แต่ประชาชนทั่วไปเองก็ต้องติดตามสถานการณ์ด้วยเช่นกัน
โดยสถานการณ์ราคาน้ำมันตอนนี้ถือว่า "พุ่งแรงอย่างต่อเนื่อง" จนรัฐบาลรู้สึกกังวลในราคาน้ำมัน และพลังงานเพราะกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน
ทางรัฐบาลแสดงความเห็นว่า ทางภาครัฐเองก็ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด เนื่องจากแนวโน้มสถานการณ์การใช้และราคาพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกเพิ่มขึ้นหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 โดยกระทรวงพลังงานพร้อมใช้กลไกกองทุนน้ำมันรักษาเสถียรภาพหากกรณีราคาน้ำมันดีเซลพื้นฐาน (บี10) สูงเกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ
โดยแนวทางในการใช้มาตรการช่วยเหลือจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพของระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงภายในประเทศไม่ให้มีความผันผวนมากจนเกินไป ซึ่งหากเกิดกรณีที่ราคาน้ำมันดีเซลพื้นฐาน (B10) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 30 บาท/ลิตร ก็จะเข้าไปดูแลราคา ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซล (B10) อยู่ที่ 28.29 บาท/ลิตร ซึ่งมีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลบี7 ถึง 3 บาทต่อลิตร จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซล บี7 หันมาเติมน้ำมันดีเซลบี 10
นอกจากนั้นยังมีมาตรการเพิ่มเติมในการช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับเรื่องของพลังงาน ได้แก่
... ตั้งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ยังได้มีมติเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้คงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มข้างต้นออกไปอีก 3 เดือน คือ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 64
และทางรัฐบาลยังได้พิจารณาขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำ/ค่าไฟ ตั้งแต่เดือน ต.ค.64 - ก.ย.65 (12 เดือน) โดย ครม.มีมติอนุมัติงบกลาง วงเงิน 2,018 ล้านบาท ครอบคลุม ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้า 1.9 ล้านครัวเรือน และน้ำประปาประมาณ 186,625 ครัวเรือน
ถามว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งแรงและเร็วแบบนี้
สรุปสาเหตุน่าจะมาจาก 3 ประการด้วยกัน คือ
1. รัฐบาลจีนแสดงความมั่นใจให้กับประชาชนเห็นว่าความต้องการใช้พลังงานของประเทศ "มีเพียงพอ" อย่างแน่นอน ทำให้ภาครัฐต้องเร่งซื้อน้ำมัน ส่งผลให้ราคาถีบตัวสูงขึ้นด้วยนั้นเอง
สถาบัน Price Futures Group แสดงความเห็นว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบ WTI หลังจีนส่งสัญญาณเตรียมความพร้อมที่จะซื้อน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ เนื่องจากขณะนี้จีนกำลังเผชิญวิกฤตพลังงานอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลออกมาตรการให้ภาคอุตสาหกรรมใช้ไฟฟ้าแบบหมุนเวียนกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะภาคการผลิตของจีนที่หดตัวลงในเดือนก.ย.
2. กลุ่มโอเปคคาดการณ์ว่า ตลาดน้ำมันจะยังคงมีความต้องการซื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน
ซึ่งทางซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ตลาดน้ำมันจะเผชิญภาวะอุปสงค์มากกว่าอุปทานจำนวน 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
ถึงแม้ว่าทางโอเปคเองจะมีมติในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเป็น 400,000 บาร์เรล/วัน ก็อาจจะยังไม่เพียงพอ
3. อิทธิพลของพายุเฮอริเคนนิโคลัสและไอดา พัดเข้ามาทางอ่าวเม็กซิโก ทำให้แท่นขุดเจาะน้ำมันต้องหยุดการผลิตลง ส่งผลให้ซัพพลายลดลง ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางข่าวรายงานว่าตอนนี้ได้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ....
เรื่องของราคาน้ำมัน จำเป็นจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุนอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และกระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชนอีกด้วย