มีอยู่หลายครั้งที่นักเก็งกำไรจะเห็นราคาหุ้นพุ่งทำ New High ตามมาด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาเป็นจำนวนมากเพื่อหวังเก็งกำไร
และหลายครั้งที่เราเห็นหุ้นทำ New High แต่วอลุ่มเทรดกลับน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาอย่างมาก
ถ้าเราเห็นกรณีนี้ เราจะตีความอย่างไรดี ?
นี้เป็นแนวคิด 4 กรณี ที่เราควรกลับนำมาคิดครับ มีอะไรบ้างมาดูกัน
แนวคิดที่ 1 : ไม่ให้ความสำคัญกับวอลุ่ม
การที่ราคาหุ้นพุ่งทำ New High ได้ แต่วอลุ่มเทรดน้อย เราไม่ควรตีความว่าหุ้นไม่น่าเข้าไปเก็งกำไรจาก 2 ประเด็นหลักๆด้วยกันคือ
1. หุ้นอาจจะไม่เป็นที่รู้จัก นักเก็งกำไร สถาบัน เฮดจ์ฟันด์ เลยไม่ได้เข้าไปเล่น
2. หุ้นอยู่ในมือรายใหญ่หมดแล้ว ไม่ปล่อยมาหมุนเวียน วอลุ่มเทรดเลยดูน้อย
ดังนั้น เราไม่ควรด่วนสรุปว่า หุ้นเบรคไฮ แต่วอลุ่มไม่มา หุ้นจึงไม่น่าเข้าไปเก็งกำไร เพราะหลายครั้งเรามักจะเห็นราคาหุ้นขึ้นไปได้ต่ออีกหลายวัน หรืออาจจะเป็นสัปดาห์
แนวคิดที่ 2 : ให้ความสำคัญกับวอลุ่ม
การที่ราคาหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ควรมาควบคู่กับวอลุ่มเทรดที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะบ่งบอกถึงความต้องการของสถาบันขนาดใหญ่ การเข้าไปเก็งกำไรที่มีเม็ดเงินเล็กกว่าก็จะทำได้ง่ายด้วย
ในขณะเดียวกัน ถ้าวอลุ่มไม่มา ก็อาจจะบ่งบอกได้ว่า มีนักลงทุนเพียงไม่กี่กลุ่มต้องการผลักดันราคาหุ้นขึ้นไป "เพื่อขาย" พวกเขาสามารถใช้วอลุ่มไม่มากในการดันราคาขึ้นไป และพวกเขาก็สามารถทุบหุ้นลงมามาก โดยใช้วอลุ่มไม่มากด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ถ้าหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ แล้ววอลุ่มไม่มาด้วย จึงเป็นหุ้นที่ไม่ควรเข้าไปเก็งกำไร
แนวคิดที่ 3 : ไม่ชอบเก็งกำไรหุ้นที่ทำจุดสูงสุดไปแล้ว
หุ้นที่ทำจุดสูงสุดไปแล้ว แสดงว่า "คนทุกคน" ได้กำไรจากหุ้นตัวนี้ไปกันหมดแล้ว ...
และถ้าทุกคนได้กำไรกันหมดแล้ว เราถือว่าเป็นคนมาทีหลัง
ถ้าอยากจ่ายรอบวง ก็สามารถเข้าไปนั่งที่โต๊ะได้
ถ้าไม่อยากจ่ายรอบวง ก็ไม่ควรเข้าไปนั่งที่โต๊ะตั้งแต่แรก ... หาจุดที่เราถนัด โต๊ะที่เราชำนาญจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าในการเก็งกำไร
ดังนั้น หุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ ไม่ควรเข้าไปเล่นเพราะมีนักลงทุนรายใหญ่ หรือสถาบันขนาดใหญ่ รอขายทำกำไรอยู่ก่อนแล้ว ...
แนวคิดที่ 4 : ดูหน้างานอีกที ให้ความสำคัญกับราคาปิด
หลายครั้งหุ้นที่ทำจุดสูงสุดไปแล้ว มาพร้อมกับวอลุ่มจำนวนมาก แต่ราคาปิดกลับบวกได้นิดเดียว บ่งบอกว่าแรงซื้อเท่ากับแรงขาย หุ้นแบบนี้ไม่สมควรเข้าไปเก็งกำไร และควรตั้งข้อสงสัยด้วยในหุ้นลักษณะนี้
ในกรณีเดียวกัน ถ้าหุ้นทำจุดสูงสุด แต่วอลุ่มเข้ามาไม่มาก ก็ไม่ด่วนสรุปว่าหุ้นไม่น่าเก็งกำไร จะต้องรอดูต่อไปอีก 2-3 วัน เพื่อดูการแกว่งตัวขอหุ้น
สรุปแล้ว หุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ จะไม่รีบเข้าไปซื้อทันที แต่จะรอการปรับตัวลงมาก่อนว่าจะอยู่ตรงจุดไหน แนวรับมีแรงเข้ามาซื้อมากไหม
นี้ก็เป็น 4 แนวคิดว่าด้วยเรื่องของราคาหุ้นทำ New High แต่วอลุ่มน้อย
แนวคิดทั้ง 4 ไม่มีผิด ไม่มีถูกครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และแผนการส่วนตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเก็งกำไรต้องมีหลักการและแนวคิดเป็นของตัวเองครับ