ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้น ADVANC และ SCB ที่กำลังจะเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ โดย ADVANC ประกาศลงนามจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ SCB ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ในนาม AISCB ดําเนินธุรกิจ Digital Lending ภายใต้วิสัยทัศน์ Digital Life Service Provider
... ที่น่าสนใจ คือ ADVANC มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีที่มีฐานลูกค้าอยู่มากกว่า 43.2 ล้านราย ในขณะที่ SCB มีความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจการเงิน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ADVANC แจ้งลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ SCB เพื่อร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท เอไอเอสซีบี จํากัด (AISCB) ถือหุ้นฝ่ายละ 50% เพื่อดําเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อ
ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ภายใต้เงินลงทุน 600 ล้านบาท โดยถือเป็นการดําเนินการตามแนวทางสร้างการเติบโตใหม่ของ ADVANC ตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็น Digital Life Service Provider
ทั้งนี้ AISCB จะดําเนินธุรกิจอยู่ภายใต้จุดแข็งการนําฐานข้อมูลของ ADVANC ที่มีประมาณ 43 ล้านรายไปต่อยอดโดยมีพันธมิตรเป็น SCB จะใช้เวลาพัฒนาระบบต่างๆภายในปี 2564 และเริ่มดําเนินธุรกิจนับจากปี 2565 เน้นกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการการเงินดั้งเดิม เช่น
1. กลุ่มที่มีรายได้ไม่ชัดเจน ระยะแรกจะเริ่มปล่อยสินเชื่อสินเชื่อซื้อเครื่องมือถือ
2. สินเชื่อบุคคล (Personal Loan)
3. สินเชื่อนาโน ไฟแนนซ์ (Nano Finance)
จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส วิเคราะห์ว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2564 จำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า 15 ปีคิดเป็น 56.75 ล้านคน และอยู่ในวัยทำงานประมาณ 38.4 ล้านราย หากหักบัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลไม่มีหลักประกันภายใต้การกํากับของ ธปท. ทั้งที่ดําเนินการโดยธนาคารพาณิชย์และไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์จํานวน 14.1 ล้านบัญชี ประเมินที่เหลือน่าจะเป็นกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อดั้งเดิมได้
กลุ่มลูกค้าที่เหลือจะมีรายได้ไม่แน่นอน และไม่สามารถขอสินเชื่อปกติได้ จะมีอยู่ราวๆ 24.3 ล้านคน
ภายใต้สมมุติฐานว่าใน 1 คน จะมีหนี้สินอยู่ราวๆ 17,680 บาท เท่ากับว่าในธุรกิจ Digital Lending จะสูงถึง 4.5 แสนล้านบาท
... และถ้าประเมินจากข้อมูลปัจจุบันจะเห็นแนวโน้มการเติบโตสูงทั้งในส่วนที่ธนาคารพาณิชย์ดําเนินการเอง เช่น สินเชื่อผ่าน Scb Easy ในไตรมาส 1Q64 เติบโตกว่า 20%
ส่วน KBANK ตั้งเป้าในปี 2564 จะเติบโตประมาณ 164%
อย่างไรก็ตามธุรกิจนี้ก็ไม่ง่ายเพราะมีคู่แข่งทื่มาก และแต่ละเจ้าก็เป็นยักษ์ใหญ่ เช่น
>>> เครือ Sea Group เจ้าของ Marketplace Platform ชื่อดัง Shoppe ก็มี บริษัท ซี มันนี่ (แคปปิตอล) จํากัด
>>> บริษัทกสิกร ไลน์ (เป็นการร่วมทุนระหว่าง Line และ KBANK)
>>> บริษัท แอสเซนด์ นาโน ในเครือ CP
>>> บริษัท แรบบิท แคช เป็นการร่วมทุนระหว่าง AEONTS BTS และ HUMAN
ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส มองว่า ฐานทุนที่ยังเล็กราว 600 ล้านบาท และความสามารถในการก่อหนี้ที่ระดับ 5-8 เท่า เท่ากับว่าจะมีฐานทุนราวๆ 3-5 พันล้านบาท ทำให้มองว่าการขยายตัวในระยะแรกจึงยังค่อยเป็นค่อยไป อาจจะมีขาดทุน แต่คาดว่าธุรกิจจะกลับมามีกำไรในปี 2566
... ซึ่งกำไรที่เกิดขึ้นเทียบกับฐานกำไรของ ADVANC น่าจะต่ำกว่า 1% ของกำไรสุทธิซึ่งไม่มีนัยสำคัญอะไรมากกับบริษัท
ทั้งนี้ ด้วยธรรมชาติของธุรกิจ Digital Lending ระยะแรกจะเติบโตค่อนข้างช้า และฐานทุนที่ 600 ล้านบาทจะยังไม่มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะธุรกิจนี้จะเติบโตก้าวกระโดดอิงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เข้าถึงระบบดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ
และหากทำต่อไปเรื่อยๆ ด้วยฐานทุนที่ใหญ่เพิ่มขึ้นจะเป็น Upside ต่อทั้ง ADVANC และ SCB ได้ในระยะยาว
นักลงทุนยังต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดครับ ...
------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส