หุ้นของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังไต่ทะยานขึ้นเรื่อยๆ 

 

หลังจากชัยชนะเหนือนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์อันท่วมท้น 4-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมปีศาจแดงขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลึกได้สำเร็จ 

 

ส่งผลราคาหุ้น MANU เปิดกระโดดทันทีที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก NYSE เปิดทำการ

 

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การกลับมาในรอบ 12 ปี ของตำนานสโมสรอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีส่วนทำให้ ‘เรด เดวิลส์ ’ กลับมามีเกมบุกที่น่ากลัวอีกครั้ง 

 

แม้รอบนี้ ‘CR7’ จะกลับมาเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า ไม่ได้ทำเกมที่ริมเส้น คอยสับขาหลอกเหมือนที่เขาเคยแจ้งเกิดก็ตาม แต่ด้วยความเก๋าเกม และความกระหายในการทำประตูที่ไม่เคยลดลง ก็ยังอันตรายสำหรับคู่แข่งเสมอ

 

เมื่อแฟนบอลเชื่อมันในดาวยิงชาวโปรตุเกสรายนี้ เชื่อมั่นในตัวสโมสรว่าจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่บนเกาะอังกฤษได้ ราคาหุ้นก็พร้อมทะยานขานรับอนาคตที่น่าจะสดใสอีกครั้ง

 

ซึ่งวันที่โรนัลโด้ตอบรับกลับมาร่วมทัพปีศาจแดง ทำให้วันนั้นหุ้น MANU บวกขึ้นไป 8% ทันที

 

ในทางกลับกัน มาดูที่อตีดสโมสรของโรนัลโด้ อย่าง ‘ยูเวนตุส’ กันบ้าง 

 

ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองตูริน เล่นในกัลโช่ เซเรีย อา ไปแล้ว 3 นัด เก็บได้เพียงแค่ 1 แต้ม รั้งอันดับ 16 ของตาราง ตามหลังจ่าฝูงอย่างสโมสร ‘โรม่า’ ถึง 8 คะแนน และยิงประตูคู่แข่งในลีคได้เพียง 3 ลูกเท่านั้น

 

ปัญหาของทีม ’ม้าลาย’ ในฤดูกาลนี้ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ การทำประตู นั่นเอง

 

เมื่อสโมสรตัดสินใจปล่อยเจ้าของรางวัล ‘คาโปคันโนนิเอรี่’ หรือดาวซัลโวลีกอิตาลีประจำปี 2020/21 อย่าง CR7 ออกจากทีมไป แล้วไม่มีศูนย์หน้าที่อยู่ในระดับสูงแบบเดียวกับอดีตดาวเตะชาวโปรตุเกสมาเป็นตัวแทน สภาพจึงเป็นอย่างที่เห็น 

 

ส่งผลให้ราคาหุ้น JUVE ร่วงลงมาแล้วกว่า 10% นับตั้งแต่ต้นปี 2021 ซึ่งน่าจะมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลงนั่นเอง

 

 

นี่จึงเป็นสิ่งที่อันเดรีย อันเญลลี่ ประธานสโมสรของยูเวนตุส ต้องรีบแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเรื่องนอกสนาม

 

เพราะเมื่อไปดูผลประการของยูเว่ที่ผ่านมา ก็ดูแทบไม่จึดเหมือนกัน

 

งบการเงินของยูเวนตุส

ปี 2018 รายได้ 493.86 ล้านยูโร

ขาดทุน 19.23 ล้านยูโร

 

ปี 2019 รายได้ 611.91 ล้านยูโร

ขาดทุน 39.9 ล้านยูโร

 

ปี 2020 รายได้ 567.34 ล้านยูโร

ขาดทุน 89.68 ล้านยูโร

 

แน่นอนว่าโควิด-19 ทำให้ยูเวนตุสต้องเผชิญกับปัญหาตัวเลขในบัญชี เพราะขาดรายได้หลักที่มาจากแฟนบอลเข้ามาชมในสนามอัลลิอันซ์ สเตเดียม

 

ประกอบกับค่าเหนื่อยที่ต้องจ่ายให้นักเตะ โดยเฉพาะค่าเหนื่อยของโรนัลโด้ ซึ่งเป็นนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดในสโมสร

 

จึงไม่แปลกใจเลยที่ทีม ‘เบียงโคเนรี่’ ต้องเจอผลขาดทุน 3 ปีติดต่อกัน นับตั้งแต่ไปคว้า CR7 มาจากเรอัล มาดริดในปี 2018 ด้วยค่าตัวที่ 100 ล้านยูโร

 

แม้โรนัลโด้ จะสามารถพายูเวนตุสคว้าแชมป์เซเรีย อาไปได้ 2 สมัย บอลถ้วยโคปา อิตาเลียอีก 1 สมัย แต่นั่นก็ไม่พอที่จะทำให้ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองตูรินมีกำไรได้เลย

 

แต่ราคาหุ้น JUVE สามารถขึ้นไปทำราคาสูงสุด (ATH)ในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้ในเดือนกันยายน 2018 ซึ่งก็เป็นช่วงหลังจากที่ทีมไปคว้าตัวโรนัลโด้มาร่วมทีมมาได้สำเร็จ

 

ข้ามฝากมาที่งบการเงินของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกันบ้าง ว่าผลประกอบการเป็นอย่างไร?

 

งบการเงินของแมนฯยูไนเต็ด

ปี 2018 รายได้ 589.76 ล้านปอนด์

ขาดทุน 37.63 ล้านปอนด์

 

ปี 2019 รายได้ 627.12 ล้านปอนด์

กำไร 18.88 ล้านปอนด์

 

ปี 2020 รายได้ 509.04 ล้านปอนด์

ขาดทุน 23.23 ล้านปอนด์

 

ฝั่งยูไนเต็ดเองก็เจอผลกระทบจากโควิด-19 เช่นกันที่ทำให้รายได้ของสโมสรลดลงอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว  แต่คาดว่าการกลับมาของโรนัลโด้ น่าจะช่วยหนุนรายได้จากขายสินค้าของทีมได้ดียิ่งขึ้น

 

เพราะเพียงแค่ 12 ชั่วโมง ตั้งแต่สโมสรเริ่มวางจำหน่ายเสื้อของดาวเตะโปรตุเกส แมนฯยูไนเต็ดเก็บเงินจากการขายเสื้อเจ้าของหมายเลข 7 คนใหม่ของทีมได้แล้วถึง 32.5 ล้านปอนด์ 

 

และตอนนี้เอง ก็ยังไม่เห็นกระแสการกลับมาโรงละครแห่งความฝันของ CR7 เบาลงแม้แต่น้อย

 

เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลไม่กี่คนจริงๆ ที่สามารถกำหนดทิศทางของสโมสรได้ และยังพาราคาหุ้นของสโมสรขึ้นไปได้ โดยไม่ต้องนั่งบริหารในห้องแอร์ให้ปวดหัว

 

แต่ดาวเตะผู้เป็นตำนานคนนี้ ใช้ฝีเท้าอันเก่งกาจ และชื่อเสียงอันโด่งดังมาช่วยทีมทั้งในสนาม และนอกสนามแทนนั่นเอง

 

มารอดูกันว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้จะสามารถพาหุ้น MANU ขึ้นไปทำ All Time High เหมือนที่เขาเคยพาหุ้น JUVE สัมผัสจุดสูงสุดได้สำเร็จมาแล้วได้หรือไม่