ที่ SET ระดับ 1640 จุด
1. ในมุม P/E
คิดเป็น P/E ตลาด 20.80 เท่า
เด๋วไตรมาส 3 เมื่อไหร่งบฯออก ถ้าดัชนียังอยู่แถวนี้
ค่าพีอีตลาดตรงนี้จะสูงขึ้นอีก เพราะบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ไตรมาส 3 งบจะไม่ดี (ก็ปิดเมืองไปซะ 2 ใน 3 เดือนอ่านะ)
2. ในมุมเงินปันผล
ภาพรวมตลาดวันนี้ให้ market dividend yield ที่ 2.2%
ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่เยอะเลยนะ
ตลาดหุ้นไทยปกติมักจะมีค่า Market Yield สูงกว่านี้
3. ที่ดัชนี SET 1640 จุดนั้น
-> มีหุ้นที่ขึ้นมามากๆ มากเกินความสามารถปีหน้าไปนู่น
-> มีหุ้นที่ขึ้นมามาก แต่มากแค่เต็มมูลค่าปีนี้
-> และมีหุ้นที่ขึ้นมาน้อย SET 1640 แต่ราคาหุ้น ยังอยู่ระดับ SET 1200 คือ ต่ำน่าเกลียด
หน้าที่ของนักลงทุน ที่ยังเลือกลงทุนต่อไปในตลาดหุ้นไทย ก็ต้องเลือกหุ้นชุดสุดท้าย ที่ราคายังไม่ขึ้นมา ประเภทไม่อ่านกลุ่มไลน์เพื่อนในตลาดหุ้นไทย มีความล้าหลัง (Laggard) ซ้ำซาก แต่ยังมีโครงการอนาคตต่างๆแน่น โอกาสฟื้นหลัง Reopening มีค่อนข้างแน่ แบบนี้ก็พอคุยกันได้
4. แล้วตลาดมันจะไปต่อได้อีกไหม
ก็ต้องบอกตรงๆว่า ระดับปัจจุบัน เราอยู่ที่ Pre-Covid คือดัชนีกลับขึ้นมาถึงจุดก่อนเกิดโควิดแล้ว ซึ่งเป้าหมายนี้ นานาอารยประเทศเขาทำได้ตั้งแต่ไตรมาสสาม 2563 ... ไทยเราไม่รีบ เลยช้ากว่าเขามา 1 ปี
เป้าหมายถัดไปคือ ATH All Time High ... ด้วยสภาพคล่องที่ยังล้น ดอกเบี้ยต่ำระดับ Ultra Low Interest Rate แบบนี้ นานาอารยประเทศเขา ATH ไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้เช่นกัน
ของไทยจะทำได้ไหม ... บอกตรงๆนาทีนี้ก็ "ยังไม่กล้าเชื่อ"
ปีนี้อาจจะเร็วไป
5. แต่ SET ปีหน้าไม่แน่นะ ถ้าทุกอย่างจากนี้ เป็น "Best Case"
ถ้านับจากนี้ ประเทศไทยเรา
-> วัคซีนเต็มแขน เต็มโรงพยาบาลจริงๆ
-> 100M doses ก่อนสิ้นปี (นับเข็ม 1,2)
-> ไม่มี Lockdown รอบใหม่อีกแล้ว (ข้อนี้สำคัญมาก)
-> เปิดประเทศ ต่างชาติเริ่มเข้าได้ สิ้นปีถึงต้นปีหน้า
-> ท่องเที่ยวเริ่มฟื้นจริงจัง เป็นกราฟขาขึ้นตั้งแต่ Q1-2 ปีหน้า
แบบนี้อาจจะพอมีหวังได้