ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กำลังตอบรับไปในทิศทางเชิงบวก
เรามาสรุปมุมมองของสถานการณ์ทั่วโลกกันครับ ว่ามีประเด็นอะไรที่น่้าสนใจและต้องติดตาม
1. ทางฝั่งอเมริกา -- คลายกังวล(ทุกอย่าง) ดัชนีเดินหน้าพุ่งทำ New High
ในการประชุม Jackson Hole วันศุกร์ที่ผ่านมา ....
นายเจอโรม โพเวล ได้ส่งสัญญาณ QE Tapering หรือการเริ่มดึงสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินและบริษัทวาณิชยกิจหลายแห่งมองว่า FED มีแนวโน้มจะลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านเหรียญต่อเดือนโดยจะเริ่มในเดือนพฤษจิกายน 2564
อีกทั้ง นายโพเวล ยังบอกอีกว่า FED ไม่มีสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ...
ด้วย 2 ข่าวนี้ทำให้ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตลาดของอเมริกาขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่
การคลายความกังวลประเด็นนี้การส่งสัญญาณครั้งนี้สะท้อนว่า FED เริ่มมองเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งเรื่องของการลด QE เพราะเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัวจากโควิดระบาด อัตราการจ้างงานมีทิศทางฟื้นตัว
.... อย่างไรก็ตามอัตราการว่างงานยังอยุ่ในระดับสูง นโยบายการเงินทางเงินเฟ้อที่ยังไม่ชัดเจน และประเด็นของทางการจีนอาจจะสะเทือนต่อหุ้นอเมริกาได้
2. ทางฝั่งจีนและฮ่องกง -- ทางการยังคุมเข้ม แต่กองทุนต่างชาติกลับลำมาซื้อ (ซะอย่างนั้น)
หน่วยงานของรัฐบาลจีน ยังคุมเข้มหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเตรียมร่างเกณฑ์การใช้ AI ในการทำธุรกิจ เพื่อควบคุมกรนำเสนอ Content และเรื่องของการผูกขาดทำให้บริษัทสื่อ Social Media ได้รับผลกระทบ เช่น Tencent , Bytedace (เจ้าของ TikTok) และ Kuaishou Tech
อย่างไรก็ตาม ประเด็นข่าวดีของหุ้นจีน คือ มีราคาถูกมากจนทำให้ผู้จัดการกองทุนหลายๆกองที่เคยขายหุ้นจีนไปก่อนหน้าเริ่ม "กลับลำ" มาซื้อมากขึ้น อย่างกองทุน ARK ของนางเคธี่ วูดส์ ได้เข้าไปซื้อหุ้น JD.com และ JD Logistic ทำให้ตลาดคาดว่าจะมีเม็ดเงินอีกมากเข้ามาซื้อหุ้นเทคจีนหลังจากราคาร่วงลงมาอย่างรุนแรงช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
3. ทางประเทศไทย -- SET Index กลับมาสดใส (แบบงงๆ) จากการเปิดเมือง
ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ศบค. มีมติผ่อนคลายเศรษฐกิจมากขึ้น เช่น
- นั่งทานอาหารในร้านได้
- เปิดห้างสรรพสินค้า
- เปิดร้านตัดผม ร้านนวด สวนสาธารณะ ฟิตเนส
ทำให้นักลงทุนคิดว่าประเทศไทยน่าจะเกิด "Pent Up Demand" ขึ้น
อะไรคือ Pent Up Demand
วามต้องการของสินค้าและบริการหลายอย่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจาก "ความต้องการที่ถูกอั้นไว้" ของผู้บริโภคในสินค้าบางอย่าง เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม จะเร่งตัวขึ้นในระยะสั้นนั้นเอง
อีกทั้งตลาดคาดกันว่าโรคโควิดและจำนวนผู้ติดเชื้อ ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว นับแต่นี้จะเป็นเรื่องของการ "ค่อยๆลดลง"
... แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ควรประมาทครับ
เอาจริงๆแล้ว เราต้องยอมรับว่าเรื่องของการเปิดเมืองถือเป็นประเด็นเชิงบวกมาสักระยะแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นได้เป็นเรื่องของบรรยากาศการลงทุนของต่างชาติมีทิศทางที่ดีขึ้น และการขายของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่องมายาวนาน ทำให้วันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิมากถึง 6 พันล้านบาท
... ไม่แน่ว่ายังมีเม็ดเงินอีกมากที่กำลังรอซื้อหุ้นไทยอยู่ก็เป็นได้