1.
เป็นที่ทราบกันว่า ประเทศไทยไม่ค่อยมีหุ้นเทคฯ ที่จะเติบโตได้มากๆในอนาคต
หุ้นที่ลักษณะเป็นเทคฯตรงๆ จะมีให้เลือกอยู่มากในตลาด NASDAQ และพอมีให้เลือกในไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และ ตลาดหุ้นจีน/ฮ่องกง(ที่ตอนนี้ลงมากไม่น้อย )
2.
ลองพยายามมองหาว่าหุ้นเติบโตใน “ตลาดหุ้นไทย” ที่ไม่ต้องเทคโนโลยีโตสิบเท่า 10X ก็ได้ เอาที่อิงเทรนด์ธุรกิจในอนาคต นี่ยังมีเหลือจริงๆไหม ?
มองไปมองมา ก็ต้องยอมรับว่าพอมี เทรนด์ E-Commerce นี่แหละ ซึ่งไม่ว่าจะซื้อของผ่าน Lazada, Shopee(B2C) หรือ ห้องLINE รวมไปถึงกลุ่ม Facebook ที่พ่อค้าแม่ขายออนไลน์ก็เหมือนเราๆท่านๆ (C2C) ต่างก็ต้องใช้บริการของบรษัทขนส่งพัสดุด่วน
3.
ถ้าเป็นสมัยก่อน ผู้คนอาจจะนึกถึงไปรษณีย์ไทย ... แต่ทุกวันนี้ จากประสบการณ์ตรงในการไปรับของ พัสดุด่วน เวลากดสั่งซื้อ พบว่าส่งมาจากบริษัท Kerry Flash และ J&T นี่แหละเยอะที่สุด
ในบรรดาขนส่งทุกตัวที่ว่ามา มี 1 ตัวที่ listed เข้าตลาดหุ้นแล้ว
4.
เคอรี่ เอ็กซ์เพรส(KEX) เป็นบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่งเป็นที่รู้จัก และเป็นผู้ประกอบการขนส่งพัสดุเอกชนรายแรกที่ดำเนินธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยเกิน 10 ปี จุดเด่นมีหลายด้าน
-> เป็นผู้ให้บริการจัดส่ง “พัสดุด่วนเอกชน” รายแรกและรายใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน (น่าจะยังใหญ่ที่สุดนะ)
-> อยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ E-Commerce ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เติบโตสูงมาก อยู่ในกลุ่มผู้นำที่รับประโยชน์เต็มๆ และอยู่ในความสนใจของนักลงทุน
-> มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และได้เงินทุนจากการ IPO ไปติดปีกขยายธุรกิจอีกไม่น้อย
5.
ดูปัจจัยเชิงคุณภาพแบบเร็วๆ ดูดีมาก แต่ มันมีความท้าทายอยู่หลายข้อนะ ที่มองเห็นในเชิงนักลงทุน คือ
-> ตลาดนี้มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามามาก ทั้ง Flash, J&T, BEST และอื่นๆ คือทุกคนกำลังเห็นโอกาสนี้เหมือนกัน
-> ธุรกิจยังไม่มีผู้ชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่อาจวางใจในตำแหน่งการตลาดปัจจุบันได้เลย
-> นอกจากจำนวนคู่แข่งจะเยอะแล้ว ระดับการแข่งขันก็ถือว่าสูงมาก ตัดราคากัน แข่งด้านเวลา แข่งด้านบริการ กันแบบสุดๆ
6.
แบบนี้ผู้ชนะจะวัดกันที่อะไร
“ส่ง(ราคา)ถูกกว่า ส่งเร็วกว่า ส่งดี(บริการ)กว่า" คนนั้นชนะ
นั่นแปลว่า กว่าจะเห็นผู้ชนะ มันต้องฟาดฟันกันทั้ง ถูก เร็ว ดี กันไปอีกหลายปี ... ดังนั้น ต้องดูที่สายป่านด้วย ระหว่างนี้แต่ละรายจะทำกำไรเกินปกติ งามๆ ไม่ได้(เพราะมันแข่งดุไง) จนกว่าจะชนะเด็ดขาด
งานนี้ ทุนหนา หน้าตักใหญ่ ก็ได้เปรียบ
7.
ในเชิงราคาหุ้น KEX IPO อยู่ที่ 28 บาท เคยราคาพุ่งไป 70 กว่าบาท เทียบเท่า Market Cap แสนกว่าล้านบาท ซึ่งต้องเรียกว่า เทรดอย่างร้อนแรง เต็มไปด้วยความคาดหวัง แน่นอนว่ายืนระยะไม่ได้
ปัจจุบันราคาลงมาเหลือ 41.75 บาท ถือว่าลงมาเยอะจาก Max แต่ก็สูงกว่า IPO พอสมควร
.
.
8.
งบ Q2-2564 ที่ออกมา ทั้งรายได้และกำไร แม้จะเติบโต QoQ แต่กลับ ลดลงใน YoY ซึ่งอันนี้แปลกใจพอสมควร ตอนปี 63 บางAnalyst เคยอธิบายว่ารายได้เติบโตมากเพราะ Covid and Lockdown แต่ปี 64 ก็อธิบายว่า ลดลงเพราะ Covid and Lockdown
คหสต. คิดว่าปีนี้โดนผลกระทบนอกจากกำลังซื้อถดถอยลงมากอย่างยิ่งแล้ว การแข่งขันก็เข้มมาก เพราะ Flash และ J&T รุกหนักเหลือเกิน อีกทั้งลูกค้าอย่าง Shopee หรือ Lazada ก็กำลังทำ logistics เอง ผมเพิ่งรับของจาก Shopee คนส่งนี่เป็นของ Shopee เองเลยจร้า
9.
ในแง่ Valuation ถือว่าแพงเสมอ ค่าพีอี KEX ปัจจุบันคือ 55.65 เท่า ในขณะที่เคอรี่โลจิสติกส์ฮ่องกง(บริษัทแม่) ค่า PE อยู่ที่ 14.8 เท่า แปลว่าที่นี่คาดหวังการเติบโตระดับสูงมากพิเศษ แบบใส่ไข่เพิ่มข้าว
10.
สรุป คือ ด้วยเทรนด์การซื้อของออนไลน์ที่ยังดีเยี่ยม บริษัทเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง แต่ก็ต้องสู้กับการแข่งขันเข้มข้นระดับ 10 กระโหลก
ถือว่า เป็นหุ้นที่โอกาสมีเยอะ แต่ความเสี่ยงก็มีพอสมควร เพราะการแข่งขันเข้มข้นนี่แหละ ในเชิงราคาต้องขอต่ออีกหน่อย
ถือว่ามีชื่อชั้น อยู่ใน watch list ได้ ตามดูพัฒนาการทางงบการเงินไปเรื่อยก่อนค่อยว่าซั่น เอ๊ยว่ากัน