ดูเหมือนว่าหุ้นไทยจะเริ่มคลายกังวลกันอีกแล้วหลังจากผ่านช่วงของการติดเชื้อกันอย่างหนัก ...
ตอนนี้หุ้นไทยให้ความสนใจกับกระแส Reopening Theme หรือต้อนรับการเปิดเมือง (อีกครั้ง) หลังเริ่มเห็นนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจว่า จะพิจารณาอีกครั้ง หลังวันที่ 31 ส.ค. 2564 ซึ่งอยู่กับว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร โดยท่าทีล่าสุดของนายกรัฐมนตรีเริ่มกล่าวถึงการผ่อนคลาย
Lockdown บ่อยครั้งขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับข้อเสนอของสภาหอการค้าไทยที่เสนอให้ผ่อนคลายกิจการต่างๆ
... โดยระยะแรกจะเน้นกิจการค้าปลีก-ส่ง ร้านอาหาร, ตลาด, การขนส่ง, บริการสําคัญ เช่น ร้านตัดผม เป็นต้น และทดลองในบางเมืองก่อน เช่น กรุงเทพฯซึ่งปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีประชากรฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 79.1%
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ความคาดหวังการคลาย Lockdown ASPS เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในระดับหนึ่ง จากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
1. ผู้รักษาหายสูงกว่าผู้รักษาใหม่
โดยข้อมูลล่าสุดวันที่ 20 ส.ค. 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,851 ราย (ต่ําสุดในรอบ 7 วัน) ส่งผลให้จํานวนผู้เข้ารักษารายใหม่ปรับลดลง 867 ราย หนุนจํานวนผู้ที่อยู่ระหว่างรักษา (Active case) ลดลงได้ต่อ
2. การเดินหน้าฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน
ปัจจุบันไทยมีจํานวนผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกทั้งสิ้น 19.41 ล้านราย หรือคิดเป็น 27.5% ของประชากรทั้งประเทศ และในช่วง 3-4Q64 ไทยมีแผนนําเข้าวัคซีนมาอีกไม่น้อยกว่า 70 ล้านโดส ถ้าการกระจายวัคซีนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เชื่อว่าจะสามารถลดการระบาดลงได้ เพราะประชากรบางส่วนเริ่มมีภูมิคุ้มกัน
3. ภูมิคุ้มกันหมู่
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัสเคยวิเคราะห์ว่าจํานวนผู้มีภูมิคุ้มกันของไทยจะเกินระดับ 50% ของประชาการในเดือน ต.ค. 2564 และเกิน 70% ในเดือน พ.ย. 2564
ดังนั้น หากสถานการณ์จริงสอดคล้องกับที่ประเมิน คาดจะช่วยให้มาตรการ Lockdown สามารถผ่อนคลายลงมาได้ในระยะถัดไป
ถ้าสมมุติว่าเกิดการเปิดเมืองและคล้าย Lockdown ได้จริงๆ จะสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยจากกลุ่มเปิดเมืองที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่
1. หุ้นกลุ่มค้าปลีก และร้านอาหาร
2. หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม โรงพยาบาล ... โดยเฉพาะในกรุงเทพที่มีแนวคิดเรื่องของ Bangkok Sandbox เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยไม่ได้คาดหวังกับเงินลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาในเร็ววันนี้ โดยมีแนวคิด 2 ข้อหลัก คือ
1. นักลงทุนต่างชาติกังวลประเด็น Tapering QE ที่มีสัญญาณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ บวกกับทิศทางเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงในปี 2564-2565 จากการได้รับวัคซีนที่ล่าช้า และการ Lockdown เข้มงวด
2. นักลงทุนกองทุนไทย จะใส่เงินเข้าตลาดหุ้นไทยเบาบางลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนนหน้า จากเหตุผลที่ประเทศไทยไม่มีปัจจัยขับเคลื่อนประเทศ บวกกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า หาหุ้นเติบโตได้ยาก จึงทำให้เห็นการ "หมุนกลุ่มเล่น" อยู่บ่อยครั้งในภาพสั้นๆ
บทวิเคราะห์มองว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1535-1550 จุด ...
--------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล