เวลานักลงทุนพูดถึงการลงทุนเชิง Fundamental เรามักจะพูดถึงเรื่องคุณภาพของกิจการ ความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้า อัตราการเติบโต มาร์จิ้นที่บริษัททำได้
แต่ที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้สะท้อนลงไปในตัวเลขค่าหนึ่งที่นักลงทุนมักจะมองข้ามกันมากที่สุด คือ ROE
ในทางทฤษฏี ROE หรือ Return On Equity คือ การทำกำไรของบริษัทเทียบกับส่วนทุนเป็นเท่าไร ตัวเลขนี้จะมาจาก "กำไรสุทธิ" มาหารด้วย "เงินทุน" ในส่วนของผู้ถือหุ้น
... เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะได้เป็นอัตราส่วนทางการเงิน ซึ่งตามตำราบอกไว้ว่าไม่ควรมีค่าน้อยกว่า 15
พูดง่ายๆคือ "ยิ่งสูง ยิ่งดี" นั้นเอง ถ้าตัวเลขนี้ยิ่งสูงจะเป็นตัวสะท้อนว่าบริษัทสร้างกำไรได้สูงโดยไม่ต้องใช้ส่วนของผู้ถือหุ้นเยอะ หรือสร้างผลตอบแทนได้ดีนั้นเอง
ประเด็นอยู่ที่ว่า ถ้าบริษัทสร้างตัวเลขนี้ให้สูงได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ก็เป็นการสะท้อนว่าบริษัทมีคุณภาพ เป็นหุ้นชั้นยอดที่นักลงทุนควรเข้าไปลงทุนด้วยนั้นเอง ตัวเลข ROE จะสูงอย่างต่อเนื่องยาวนานได้นั้นจะสะท้อนออกมาเป็น 2 ปัจจัย คือ
1. บริษัทมีอัตรากำไรที่สูง ใช้เงินลงทุนน้อย มีต้นทุนน้อย กำไรจึงออกมาสูง
2. บริษัทมีสินค้าและบริการที่โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งมากๆ มีความสามารถในการแข่งขันสูง จึงสะท้อนออกมาใน ROE ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การดู ROE นอกจากจะดูว่ามันมากกกว่า 15 เท่า (ตามตำรา) แล้ว เรายังต้องดูด้วยว่ามันคงสภาพนั้นต่อเนื่องยาวนานเพียงพอหรือไม่ ถ้าเป็นแค่ 1-2 ปี แล้วก็ค่อยๆลดลง เราก็พอจะเดาได้ว่าไม่น่าจะเป็นหุ้นคุณภาพ