ถ้าเราพูดถึงเรื่องของธุรกิจที่กำลังเติบโต นักลงทุนส่วนใหญ่จะพูดไปในทางเดียวกันว่า กลุ่มเทคโนโลยี เจ้าของแพลตฟอร์มอะไรสักอย่างหนึ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์ กระแสการรักสุขภาพ กลุ่ม HealthCare ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประเทศไทยมีอยู่น้อยมาก
ทำให้การลงทุนในหุ้นไทย "หมดเสน่ห์" ...
แต่รู้หรือไม่ว่า "ธุรกิจประกัน" ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และเป็นธุรกิจที่นักลงทุนหลายๆคนมองข้าม
... สถิติการทำประกันโดยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ พบว่า
>> คนไทย 1 คน มีการทำประกันชีวิตประมาณ 0.37 ฉบับ หรือไม่ถึง 1 ฉบับ นั้นเอง
>> คนมาเลเซีย 1 คน มีการทำประกันชีวิตประมาณ 0.4 ฉบับ หรือไม่ถึง 1 ฉบับ ซึ่งใกล้เคียงกับคนไทย
>> คนเกาหลีใต้ 1 คน มีการทำประกันชีวิตประมาณ 1.7 ฉบับ
>> คนสิงคโปร์ 1 คน มีการทำประกันชีวิตประมาณ 2.6 ฉบับ หรือประมาณ 3 ฉบับ
>> คนญี่ปุ่น 1 คน มีการทำประกันชีวิตประมาณ 3.2 ฉบับ
ถ้าดูจากข้อมูลตรงนี้ เราจะพบว่าการทำประกันในคนไทยยังมี "ช่องว่าง" ของการเติบโตได้อีกมาก ....
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บอกว่า ...
- ในปี 2553 มูลค่าตลาดของธุรกิจประกันอยู่ที่ประมาณ 2.83 แสนล้านบาท
- ในปี 2562 มูลค่าตลาดของธุรกิจประกันอยู่ที่ประมาณ 6.10 แสนล้านบาท
หรือคิดเป็นการเติบโตประมาณ 115% ภายใน 10 ปี หรือเฉลี่ยเติบโตประมาณ 11%
เท่ากับว่า ในปี 2562 มูลค่าตลาดของธุรกิจเทียบกับ GDP ของประเทศไทยจะมีค่าประมาณ 3.6% เท่านั้น ถ้าเรามองจากเพื่อนบ้าน จะพบว่า
>> เกาหลีใต้ คิดเป็น 10.8%
>> สิงคโปร์ คิดเป็น 9.0%
>> ญี่ปุ่น คิดเป็น 9.0%
และถ้ามองจากทั้งโลกนั้นพบว่า ค่าเฉลี่ยสัดส่วนประกันต่อ GDP ของโลกนั้น เท่ากับ 7.0%
... นั้นหมายความว่าไทยมีสัดส่วนเทียบกับ GDP ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอีกด้วย มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีก
แล้วทำไมไทยจะต้องเพิ่มสูงขึ้นด้วยละ ?
ถ้าเรามองไปในอนาคต จะพบว่า ...
1. ในอนาคตคนไทยมีแนวโน้มรวยเพิ่มขึ้น รายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงขึ้น
2. คนไทยจำนวนมากยังไม่เข้าใจเรื่องของการทำประกัน แต่เมื่อคนเหล่านี้มีรายได้มากขึ้น อยากเก็บออมเงิน เพื่อการลงทุน เหรือวางแผนคุณภาพชีวิตแน่นอนว่าการทำประกันเป็นเรื่องที่ต้องศึกษา
การที่คนไทยยังทำประกันน้อย เราอาจจะมองว่าประกันเป็นเรื่องเข้าถึงได้ยาก ใช้เงินและวินัยในการอดออมที่สูง คนไทยเลยไม่นิยมทำ ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยแล้ว แต่ถ้าเรามองในอีกมุมหนึ่ง การที่คนไทยทำน้อย มันอาจจะเป็นเรื่องของการเติบโตที่ยังมีอีกมากในอนาคต ถ้าคนไทยรวยขึ้น มีฐานะทางการเงินดีขึ้นก็จะตระหนักในเรื่องของการทำประกันมากขึ้นไปด้วยนั้นเอง
ดังนั้น ธุรกิจประกัน ถือเป็นอีกกลุ่มที่ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เพียงแต่อาจจะต้องรอเวลากันอีกสักหน่อย ...
-----------------------
แถมท้ายให้อีกนิด ...
ทำไมเราต้องทำประกันชีวิต มีประกันชีวิตแล้วดีอย่างไร ?
1. ถ้าเรามีประกันสุขภาพเมื่อเจ็บป่วย เราสามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนได้ สามารถตัดสินใจในการรักษาได้ดียิ่งขึ้น ถ้าเราไม่มีประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เราก็อาจจะกังวลกับค่าใช้จ่ายที่จะตามมาทีหลัง
2. ถ้าเรามีประกันแบบสะสมทรัพย์ เมื่อแก่ตัวไปก็จะมีเงินเก็บที่เอาไว้ใช้จ่าย ไม่เป็นภาระลูกหลานหรือต้องพึ่งพาเงินช่วยจากรัฐบาล
3. ถ้าเรามีประกันชีวิตแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เช่น ทุพลภาพ พิการ หรือเสียชีวิต ก็จะมีเงินก้อนไว้ดูแลตัวเอง หรือคนข้างหลังไม่ได้รับผลกระทบจากกเปลี่ยนแปลงภายในครอบครัว
4. ระหว่างการจ่ายค่าเบี้ยประกัน มีสิทธิพิเศษช่วยในการลดหย่อนภาษี
-----------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://www.mtl-insure.com/article/สถิติการทำประกันชีวิต
https://www.set.or.th/dat/setbooks/e-book/SamplePdf_1524476073512.pdf
https://www.statista.com/statistics/381174/insurance-penetration-in-selected-countries-worldwide/
https://www.oic.or.th/th/education/insurance/about/category
https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=409&language=TH
https://www.scbeic.com/th/detail/product/6656?utm_source=Influencer&utm_medium=Link&utm_campaign=datainfo_insurance_feb_2020