ตั้งแต่เปิดปี 2564 ถือเป็นอีกปีที่ยากลำบากสำหรับหุ้นไทย แต่รู้หรือไม่ว่าปีที่ยากลำบากนี้กลับกลายเป็นว่ามีนักลงทุนหน้าใหม่เปิดบัญชีเพิ่มมากถึง 1.5 แสนคน โดยสาเหตุสำคัญมาจาก
1. คนรุ่นใหม่ มีค่านิยมในการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ในยุคดอกเบี้ยต่ำ
2. การถ่ายเทความมั่งคั่งจากคนรุ่นพ่อแม่ (Baby Boom) ไปสู่คนรุ่นลูกอย่าง GenX และ GenY
3. วิกฤตโควิด ทำให้คนมองหาการสร้างรายได้แหล่งใหม่ๆ เช่น การซื้อหุ้นเพื่อรับปันผล
4. อานิสงค์จากกระแสหุ้น IPO โดยเฉพาะหุ้น OR
รู้หรือไม่ว่า การเปิดบัญชีใหม่นั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นคน GenY มากถึง 61%
หรือว่าคน GenY กำลังจะครองตลาดหุ้นไทย ... ถือเป็นประเด็นที่น่าติดตาม
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นเดือน เม.ย. 64 พบว่าตลาดหุ้นไทยมีผู้ลงทุนที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นรวม 4.38 ล้านบัญชี หรือ 1.84 ล้านคน โดยมีธุรกรรมซื้อขายหุ้นใน ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ 0.82 ล้านคน ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 46,394 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าซื้อขายหุ้นทั้งตลาด
เพียงช่วง 4 เดือนแรกของปี 64 มีผู้ลงทุนบุคคลใหม่ที่เริ่มเข้าซื้อขายหุ้นเป็นครั้งแรกสูงถึง 151,653 คน คิดเป็นมากกว่า 1 เท่าตัวจากยอดรวมทั้งปีก่อนหน้า และเป็นเกือบ 20% ของผู้ลงทุนบุคคลทั้งหมดที่ซื้อขายหุ้นในปีนี้
... ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า 1 ใน 3 เป็นผู้ลงทุนบุคคลใหม่ที่เริ่มต้นจากการจองซื้อ IPO (initial public offering) หุ้น OR เมื่อต้นปี
โดยผู้ลงทุน GenY เป็นกลุ่มที่มีบทบาทสูงที่สุด คิดเป็น 61% ของจำนวนบุคคลใหม่ทั้งหมด และเป็น 54% ของมูลค่าซื้อขายของบุคคลใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ ในปี 64 ถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มผู้ลงทุน Gen Y มีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่อยู่ระดับใกล้เคียงหรือน้อยกว่า Gen X
ในด้านพฤติกรรมการเลือกลงทุนของผู้ลงทุนบุคคลใหม่ในปีนี้ พบว่าครึ่งหนึ่งลงทุนแบบเลือกหุ้นพื้นฐานดี (Fundamental) นิยมซื้อขายในหุ้นพื้นฐานดีขนาดใหญ่ หรือหุ้นที่ให้ปันผลดี
... หากพิจารณาในเชิงขนาดของผู้ลงทุน พบว่า 3 ใน 4 เป็นผู้ลงทุนขนาดเล็กที่ซื้อขายโดยเฉลี่ยไม่เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ ระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้ซึ่งสะท้อนผ่านประเภทหุ้นที่เลือกซื้อขาย และขนาดการซื้อขายของผู้ลงทุน จะสอดคล้องตามอายุของผู้ลงทุน และความเสี่ยงที่นับได้ หมายความว่ายิ่งสูงอายุขึ้นจะยิ่งซื้อขายหุ้นที่มีพื้นฐานดี และเป็นหุ้นขนาดใหญ่ตามไปด้วย ส่วนใหญ่จะอยู่ใน SET50 ขณะที่กลุ่มอายุน้อยมีแนว โน้มที่จะกระจายการลงทุนไปยังหุ้นขนาดเล็กนอก SET100 และ mai ในสัดส่วนที่มากกว่า
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
1. กลุ่มคนที่ซื้อขายเฉลี่ยไม่เกิน 1 แสนบาทต่อเดือน มีโอกาสเข้าถึงการลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยผู้ลงทุนกลุ่มนี้คิดเป็น 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ลงทุนบุคคลใหม่ทั้งหมดในช่วง ม.ค.-เม.ย. 2564
2. นักลงทุนที่เปิดบัญชีใหม่ต้ังแต่ต้นปี มักจะซื้อหุ้นเพื่อการเก็บออมมากกว่า
3. ผู้ลงทุนหน้าใหม่กว่า 98% ใช้ Internet ในการส่งคำสั่งซื้อขายเป็นหลัก
4. คนรุ่น Babyboom หันมาใช้อินเตอร์เน็ตส่งคำสั่งซื้อขายเพิ่มขึ้น 85%
5. ตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยว่า จากสถิติในอดีต ผู้ลงทุนหน้าใหม่อาจหยุดซื้อขายไปบ้างในปีต่อๆ มา อาจจะมาจากหลายสาเหตุ อย่างไรก็ดี พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งได้เรียนรู้ภาวะตลาดหุ้นและการลงทุน และยังคงซื้อขายเติบโตต่อเนื่องได้ในระยะยาว
นี้ก็ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากที่ตลาดหลักทรัพย์ได้เปิดเผยข้อมูลออกมาครับ
คิดว่าในอนาคต คนรุ่น GenY จะมั่งคั่งเพิ่มขึ้นในระยะยาว ..