CRC หรือบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือเป็นอีกบริษัทขนาดใหญ่ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากก่อนเกิดวิกฤตโควิด ด้วยราคา IPO ที่ 42 บาท แต่ปัจจุบันเทรดกันที่ระดับราคา 31 บาท ต่ำกว่าราคา IPO อยู่พอสมควร
... โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลประกอบการไม่ได้เป็นไปตามคาดหวังมาจาก
1. โควิดยังกดดัน คนออกนอกบ้านน้อยลง ประหยัดกันมากขึ้น
2. ในเวียดนามที่ CRC ลงทุนค่อนข้างหนักก็ประสบกับโรคระบาดโควิดที่รุนแรงมากขึ้น
3. การเข้าลงทุน COL ถือว่าออกมาดี เสริมบริษัทแต่ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะได้เห็นสัดส่วนกำไรที่มากขึ้น
4. การระบาดปัจจุบันที่รุนแรง พร้อมกับการสั่งเปิดๆปิดๆของภาครัฐที่ไม่ชัดเจน อันนี้ก็เป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้น CRC ที่มีธุรกิจอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตในห้าง ร้านสะดวกซื้อของบริษัทด้วยเช่นกัน
นักลงทุนไม่ชอบความชัดเจน .. ยิ่งเจอข่าวแบบนี้ด้วยแล้ว นักลงทุนเลยเลือกที่จะหลีกเลี่ยงหุ้น CRC ดีกว่า
แต่ด้วยราคาที่ลงมาระดับนี้ ถือว่าน่าเสี่ยงหรือยัง ? เราต้องมาดูมุมมองของบทวิเคราะห์กันครับว่าเขามองประเด็นนี้อย่างไรบ้าง
บล.เอเชียพลัส สรุปออกมาแบบนี้
1. ราคาหุ้นลงมามาก สะท้อน Sentiment เชิงลบต่อการ Lockdown ไปแล้ว
2. ปัญหาสำคัญคือ ยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไร ทำให้มีความไม่แน่นอนสูง พูดง่ายๆคือราคาหุ้นอาจจะลงได้อีกถ้ามีเหตุการณ์ Lockdown ยืดเยื้อ หรือคนยังไม่ได้รับวัคซีน ยังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่ ก็อาจจะต้องปิดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
3. ฝ่ายวิจัยมองว่าไตรมาส 2 นี้ CRC น่าจะขาดทุนประมาณ 99 ล้านบาท สาเหตุมาจากการใช้จ่ายของประชาชนลดลง และที่เวียดนามก็โดนกดดันหนักเหมือนกัน
4. แต่บทวิเคราะห์มองว่าถ้าดูรายได้ภาพรวมของไทยไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าพื้นที่ ส่วนแบ่งจาก COL ที่บริษัทพึ่งไปลงทุนมา ธุรกิจแฟชั่น ถือว่าดูดีกว่าปีที่แล้วที่มีการระบาดใหม่ๆ ส่งผลต่อ Gross Margin ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาด้วย
5. แล้วไตรมาส 3 ละ ?
... ฝ่ายวิจัยมองว่ายังขาดทุนต่อเนื่องสูงอยู่ จากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
>> ในไทยปิดเมืองมากขึ้น Lockdown นาน ปิดห้างทำให้ Central,
Robinson และร้านภายในห้าง เช่น Supersport, PowerBuy ในพื้นที่ 29 จังหวัด ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก
>> ผลกระทบการ Lockdown ในเวียดนาม
ที่กล่าวมาเป็น Downside ต่อประมาณการไตรมาส 3 ทั้งสิ้น ต้องรอติดตามกันต่อ ....
ฝ่ายวิจัยมีการทำประมาณการเอาไว้เพิ่มเติมออกเป็น 3 กรณี ด้วยกัน คือ
กรณีที่ 1 ถ้าการ Lockdown มีแค่ 29 จังหวัด สิ้นสุดในเดือนสิงหาคม จะกระทบต่อยอดขายต่อสาขา (SSSG) ประมาณ 7% ซึ่งดีกว่าที่บทวิเคราะห์คาดไว้ แต่ผลประกอบการทั้งปี 2564 จะขาดทุน 86 ล้านบาท
กรณีที่ 2 ถ้าการ Lockdown มีแค่ 29 จังหวัด สิ้นสุดในเดือนกันยายน ทำให้ผลประกอบการทั้งปี 2564 จะขาดทุน 375 ล้านบาท
กรณีที่ 3 กรณีเลวร้าย คือ Lockdown ทั่วประเทศไปจนถึงปลายเดือนกันยายน จะทำให้ผลประกอบการทั้งปี 2564 ขาดทุน 1.1 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยยังมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง เป็นผู้นำในเรื่องการปรับตัว เป็นผู้ประกอบการค้าปลีกสมัยใหม่ และธุรกิจก็มีโอกาสเติบโต เช่น วัสดุก่อสร้าง ค้าปลีกในเวียดนาม เป็นต้น
นี้ก็เป็นรายงานบทวิเคราะห์ที่นำมาเล่าสู่กันฟังของหุ้น CRC ครับ ...
----------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส