#วางแผนการเงิน

วางแผนการเงินในวิกฤตเศรษฐกิจ

โดย มงคล ลุสัมฤทธิ์
เผยแพร่:
121 views

จากวันแรกจนถึงวันนี้ เกือบครบ 2 ปีแล้วนะครับ ที่เราใช้ชีวิตร่วมกับ โรคระบาด โควิด-19 ตัวแปรสำคัญที่ทำให้การดำเนินชีวิตของพวกเรา อาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

ไม่ว่าจะรูปแบบการเรียน การทำงาน การวางแผนการเงินต่างๆ ที่ต้องรื้อและปรับตัวกันใหม่หมด #สิ่งที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายบางตัว ที่กลายเป็นความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนี้ครับ


1. ค่าหน้ากากอนามัย
แม้ว่าตอนนี้ เราจะไม่ต้องแย่งกันซื้อในราคาที่แพงเกินไปแบบระลอกแรกแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า หน้ากากอนามัยกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องใช้กันทุกวัน บางคนวันละหลายชิ้น ใช้แล้วทิ้ง หมดก็ต้องซื้อมาเติม
ถือเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในรายจ่ายประจำเดือนอีกตัวหนึ่งครับ เฉลี่ยกล่องละ 150 บ.  หากทั้งครอบครัว ใช้เดือนละ2กล่อง 300 บ./เดือน
คิดเป็น 3,600 บ / ปี

2. ค่าสเปรย์แอลกฮอล์ หรือ เจลล้างมือต่างๆ
ที่ต้องมีติดตัวทั้งในบ้าน ในรถ ที่ทำงาน จุดต่างๆ เท่าที่พอจะสะดวกในการหยิบใช้ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ใช้แล้วหมดไป ต้องซื้อเติมเรื่อยๆเช่นกัน ยิ่งเสี่ยงเยอะ ยิ่งต้องป้องกันเยอะ

ตัวอย่างที่ผมเห็น ทั่วไป 450ml. ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ขวดละ 60 บ. หากทั้งครอบครัวใช้ เดือนละ 2 ขวด
ราคา 120 บ./เดือน คิดเป็น 1,440 บ / ปี

3. ที่ตรวจAntigenTestKit
ราคาขั้นต่ำตามร้านขายยา อย่างต่ำอันละ 300 บ. ตรวจทุก 3-5 วัน ใช้ต่อคน อย่างต่ำเดือนละ 4 อัน (ถ้าหาของได้นะครับ)
ราคา 1,200/ เดือน คิดเป็น 14,400/ ปี ต่อ คน

>> รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น จากการที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมกับโควิด คิดเป็น 19,440 บ. ต่อปี  
ยังไม่รวม ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่าที่จะพอหาไว้ติดบ้าน ...

4. เครื่องวัดอ๊อกซิเจนปลายนิ้ว เฉลี่ย 1,000 บาท
5. เครื่องวัดความดันฯ เฉลี่ย 1,000 บาท
6. ยาฟ้าทลายโจร เฉลี่ยกระปุกละ 150 บ.

... รวมแล้วคือเกิน2หมื่นบาทต่อปี นี่คือราคาที่เราต้องจ่ายให้กับการใช้ชีวิตในยุคนี้ครับ สำหรับคนที่มีฐานะดี หรือ ฐานะปานกลาง ที่สามารถมีกำลังซื้อก็คงยังสามารถหามาใช้ได้

แต่สำหรับกลุ่มที่ด้อยกว่า ก็ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาเยอะพอสมควร และหลายคนไม่มีกำลังพอจะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ครับ
ดูจากจำนวนคนที่ติดเชื้อ และ ระบบการจัดการเรื่องวัคซีนในประเทศแล้ว ผมบอกได้เลยว่า เกมยาวจริงๆ ครับ
เราอาจจะต้องอยู่กับมันไปอีก1-2 ปี ซึ่งยิ่งควบคุมได้ช้ามากเท่าไหร่ ราคาที่เราต้องจ่ายก็ยิ่งมากเหลือเกิน

หลายคนตอนนี้ แผนการเงินพังไปเรียบร้อยแล้วครับ จากการขาดรายได้ และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย แน่นอนว่า เงินเก็บที่มีตามเป้าหมายต่างๆ เริ่มถูกนำเอาออกมาใช้ เพื่อพยุงสถานการณ์ปัจจุบันก่อน


การวางแผนการเงินในสถานการณ์แบบนี้ **

- สำหรับกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ และ ยังสามารถรักษาพอตการลงทุนไว้ได้ ผมแนะนำให้ลองศึกษาการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม เพื่อเป็นการกระจายการลงทุน และ กระจายความเสี่ยงนะครับ

- สำหรับกลุ่มคนที่มีฐานะปานกลาง หรืออาจจะได้รับผลกระทบ ใช้มาตรการลดหนี้ที่ภาคการเงินมีให้ก่อนเลยครับ ให้พักหนี้ 2 เดือน อย่างน้อยก็ได้เอาเวลามาตั้งหลักก่อน รวมทั้งเจรจากับเจ้าหนี้อื่นแต่เนิ่นๆ ครับ ถึงกำลังเงินที่คุณจะจ่ายได้ เปิดอกคุยกันก่อน เพื่อให้ตั้งตัวกันได้ทั้ง 2 ฝ่ายครับ


อย่าลืม สำรวจเงินฉุกเฉินตัวเองด้วยนะครับ อย่างน้อยควรมีไว้ 6 เดือน หากต้องดึงออกมาใช้บ้างแล้ว อย่าให้เหลือต่ำกว่า 3 เดือนครับ หากเหลือน้อยกว่านั้น เริ่มอันตรายแล้วครับ ทำแผนลดรายจ่าย จับตารายจ่ายตัวเองอย่างละเอียด อะไรตัดได้ให้ตัดออกทันทีครับ และ ต้องหารายได้เพิ่มครับ

ต้องยอมรับความจริงแล้วว่า "ต้องทำอะไรสักอย่างเพิ่ม" ในเวลาที่ยังไหวอยู่ อย่ารอให้ถึงวันที่การเงินพัง ถึงตอนนั้นคุณจะไม่มีแรงทำครับ

==================================================

การใช้ชีวิตภายใต้สถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้ เหนื่อยหน่อยนะครับ วันหนึ่งไม่ช้า ก็เร็ว มันจะผ่านไปและผมหวังเพียงว่า เราจะผ่านมันไปได้


เจ้าของเพจที่รวมและแบ่งปันความรู้วางแผนการเงิน เพจ : Financial Times by Mongkol นักออกแบบความมั่งคั่ง โดยมงคล ลุสัมฤทธิ์ (Wealth Designer)

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง