ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ไม่น้อยสำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 32.96 บาท อ่อนค่าลงมาแล้วราว 10% เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา และถือเป็นการอ่อนค่ามากสุดในรอบ 16 เดือน นับจากระดับราคา 30.03 บาทต่อดอลล่าร์

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่านั้นมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. ความกังวลในเรื่องของการระบาดโควิดของประเทศไทยรอบใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการเติบโตที่ช้ากว่าที่คาดกันไว้ กระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนที่ลดลง ทำให้เกิดกระแสเงินไหลออกจากประเทศไท ไปยังต่างประเทศมากขึ้นนั้นเอง

2. ทั่วโลกกำลังกังวลโควิดรอบใหม่ ทำให้หันไปถือสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำมากขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล เงินดอลล่าร์ กันมากขึ้น

3. ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมทำ QE Tapering ในขณะที่ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้กระแสเงินต่างชาติไม่เข้ามาซื้อตลาดบอนด์ในไทย ส่งผลให้เงินบาทยิ่งอ่อนค่าลงไปอีก

ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ระดับ 33 บาทอย่างรวดเร็ว
ที่มาภาพ : Aspen for Browser

ผู้เชียวชาญมองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าไปจนถึง 33.50-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงกลางปี 2565 และอาจมีแนวโน้มอ่อนค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกจนถึงสิ้นปี 2566 ตามทิศทางสกุลเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าระยะยาวในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะส่งผลให้แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้นจากแผนการปรับลดการซื้อสินทรัพย์ (QE Tapering) และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต

เรามาดูมุมมองผู้เชี่ยวชาญกันว่าจะมองประเด็นนี้กันอย่างไรบ้าง ...

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย มองว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มแกว่่งตัวในกรอบ 32.70-33.20 บาทต่อดอลล่าร์ โดยปัจจัยหลัก คือเรื่องของการควบคุมโควิดระบาดในประเทศ การประชุม กนง. จะมีการปรับตัวเลขเศรษฐกิจอย่างไร แต่มองว่าปัจจัยต่างประเทศมีน้ำหนักมากกว่า โดยถ้าตัวเลขของอเมริกาออกมาดูดีส่งผลให้ค่าเงินดอล์ล่าร์แข็งค่าขึ้นไปอีก (เงินบาทจะอ่อนค่า) สะท้อนภาพว่าเศรฐกิจในประเทศอื่นฟื้นตัว

สำหรับทิศทางกระแสเงินไหลเข้า-ออก ในประเทศไทย พบว่า ยังคงเห็นนักลงทุนเทขายตลาดหุ้นสุทธิ 2,800 ล้านบาท และซื้อพันธบัตรสุทธิ 3,700 ล้านบาท

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยหลักยังคงเป็นต่างประเทศ การรายงานตัวเลขของอเมริกาที่ออกมาดูดี
ทั้งนี้ มองว่า กนง.จะยังคงดอกเบี้ย 0.5% และแสดงความกังวลมากขึ้นต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด ด้านการกระจายวัคซีนต้องติดตามต่อไป

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย แสดงความเห็นว่าเงินบาทอ่อนค่าแรงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน เนื่องจากการระบาดโควิดที่หนักมากทำให้ผู้ลงทุนลดความเชื่อมั่น เทขายสินทรัพย์ออกมาทั้งในหุ้นและตลาดบอรด์ กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อน
มองว่าระดับการอ่อนค่าของเงินบาทในไตรมาสดังกล่าวคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 33-33.50 บาทต่อดอลลาร์  
... อย่างไรก็ตาม ในสิ้นปี 2564 มองค่าเงินบาทที่ระดับ 32-32.50 บาทต่อดอลลาร์

นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb Analytics)  มองว่า ระยะข้างหน้าเงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เนื่องจากค่าเงินดอลล่าร์มีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องในอีก 1-2 ปีข้างหน้า จากการฟื้นตัวของอเมริกาที่ออกมาดูดี และ FED มีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้นจากแผนการปรับลดการซื้อสินทรัพย์ (QE Tapering) และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต

--------------------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

THE STANDARD WEALTH