กลุ่มหนึ่งที่โดนกระทบจากการปิดเมือง Lockdown ไม่แพ้กลุ่มท่องเที่ยวเลย คือ กลุ่มค้าปลีก
ล่าสุดทาง ศบค. ประกาศมาตรการควบคุม COVID-19 เพิ่มเติม ขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดเป็น 29 จาก 13 จังหวัด เริ่มวันที่ 3 - 16 ส.ค.64 รวม 14 วัน และจะรอประเมินอีกครั้งในวันที่ 18 โดยมีสาระสำคัญแบ่งเป็น
1. กลุ่มที่ต้องปิดสาขาห้างสรรพสินค้า CRC (กลุ่มแฟชั่น พาวเวอร์บาย) รวมถึง สาขาในห้าง COM7, SPVI, ILM, HMPRO
2. กลุ่มที่ยังเปิดสาขาส่วนใหญ่ได้ แต่ปิดพื้นที่ขายบางส่วน เช่น สินค้าเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน คือ ร้าน Stand alone HMPRO, ILM, DOHOME, BJC
3. กลุ่มที่ต้องปรับเวลาร้านสะดวกซื้อ CPALL, CRC (Family Mart) และ BJC (Mini
Big C)
เรียกว่าโดนกระทบอีกระลอก แต่การลงมาของราคาหุ้นรอบนี้อาจจะเป็น "โอกาส" เข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกก็เป็นได้ ..
บล.เอเชียพลัส มองว่าการปิดรอบนี้จะกระทบมากสุดในร้านค้าที่ไม่มีสาขา Stand Alone คือ COM7 , SPVI และกลุ่มห้างสรรพสินค้าอย่าง CRC คิดเป็นราว 20-50% ของยอดขาย
รองลงมาเป็น ILM และ HMPRO กระทบราว 30-35%
ท้ายสุด คือ BJC DOHOME CPALL จะกระทบ 10-15% ของยอดขาย
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมองกระทบในเชิงลบไปมาก แต่ความเป็นจริงบริษัทมีการปรับตัวในช่องทางออนไลน์ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 5-10% และยังมีการเปิดสาขา Standa alone นอกห้างมากขึ้น เช่น COM7 ทำให้ผลประกอบการไม่ได้แย่อย่างที่คาดกันเอาไว้
ฝ่ายวิจัยมองว่าการปิดที่เข้มงวดขึ้น น่าจะเห็นการติดเชื้อค่อยๆลดลงจนควคุมได้ ราคาหุ้นค้าปลีกที่ปรับตัวลงมาแรง เป็นโอกาสในการเข้าสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว เช่น
COM7 SPVI จากกระแส Work from Home
BJC ธุรกิจนำเข้าเครื่องมือแพทย์ ชุดตรวจ COVID
MAKRO CPALL พื้นฐานแข็งแกร่ง ยังประคองตัวได้ดี มีช่องทางการขายหลายรูปแบบ
โดยสรุปแล้ว การ Lockdown เพิ่มเป็น sentiment เชิงลงต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่ด้วยความน่าสนใจของราคาหุ้นที่ลงมามาก มองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนระยะยาว นั้นเองครับ
---------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส