หนึ่งในกิจการที่กำลังขยายธุรกิจ แบบ "แตกไลน์" ธุรกิจไปจากกิจการเดิมๆมากที่สุด ผมคิดว่าคือ กลุ่มโรงไฟฟ้า
-> ลองนึกถึงการขยายไปธุรกิจแบตเตอรี่ ของ EA และ GPSC อันนี้ก็พอเข้าใจได้ มีความเชื่อมโยง
-> หรือลองนึกถึง GULF ที่ออกมาทำเทนเดอร์กิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อันนี้ยังมอง synergy ไม่ค่อยออก แต่หลายนักวิเคราะห์มองประเด็นเชิงการเงิน เรื่องการ consolidated งบ ก็พอเข้าใจได้
สำหรับผมโรงไฟฟ้าที่กำลังพยายามขยายกิจการแบบดุเดือด คือ RATCH

เส้นทางการลงทุนของ RATCH ในช่วงที่ผ่านมา มีการแตกไลน์ไปในธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต เช่น
-> เข้าสู่ธุรกิจอินฟราสตรัคเจอร์ด้านขนส่งระบบราง โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง ร่วมกับ BTS
-> เข้าสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ร่วมกับ GULF รับงาน O&M มอเตอร์เวย์สองสาย
-> เข้าสู่ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งในสปป.ลาว ตั้งเป้าจำหน่ายลูกค้าอุตสาหกรรม
-> ใช้เงิน 1.55 พันล้านบาท ลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล PRINC สัดส่วน 10% หวังขยายสู่ธุรกิจด้านสุขภาพ
-> เดือนที่แล้ว เพิ่งประกาศจะเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อินโดนีเซีย ในเดือนพ.ย. และประกาศจะมีการเพิ่มทุน (ที่ทำให้ราคาร่วงจาก 51-53... มาที่ 43-45 ตอนนี้แหละ)

ล่าสุด RATCH ก็ส่ง ราช-ลาว เซอร์วิส ซื้อหุ้นเพิ่มทุน9.91% บริษัทลูกของBCH ที่ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ฯในนครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว วงเงินลงทุน190ล้านบาท

จัดเป็นหุ้นที่มีผู้บริหาร และทีม Business Development คงกินเครื่องดื่มชูกำลังตลอด ขยายแตกไลน์ไม่หยุดหย่อน ทั้งโรงไฟฟ้า ชีวมวลอัดแท่ง รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ และโรงพยาบาล
แต่เป็นหุ้นที่ยังมีประเด็นค้างคา (overhang) จากกำหนดเพิ่มทุนในอีก 4 เดือนข้างหน้า ซึ่งนักลงทุนไม่ค่อยชอบการเพิ่มทุน
การขยายกิจการในหลายรูปแบบ และขยายไปโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก็มองได้ทั้งดีและด้อย แล้วแต่มุมมองนักลงทุนนะ

คหสต. ถ้ามีการขยายการลงทุนที่เป็นเทรนด์พลังงานสะอาด ยั่งยืน มี MWatt เยอะหน่อย จะดูดีขึ้นมาก ส่วนการลงทุน infrastructure ด้านรถไฟฟ้าและมอเตอร์เวย์ ถือว่าดูดีนะ หลังโควิดต่อยอดได้
หันมามองราคาหุ้น ตอนนี้ราคาลงมาเยอะ ทำนิวโลว์เรื่อยๆ จนเกิดอาการ พีบุ๊คต่ำหนึ่ง พีอีต่ำสิบ ปันผลเกินห้า
เป็นหนึ่งในหุ้น SET50 ที่ราคาร่วง โดนจัดหนักมาอีกตัว คนมองแย่ก็มี มองดีก็ไม่น้อย