ก่อนวิกฤตโควิดจะเกิด ธีมหุ้นไทยเด่นๆจะมีเรื่องของการท่องเที่ยว กลุ่มโรงพยาบาล และทั้ง 2 อย่างนี้มารวมกันเราเรียกรวมกันว่า Medical Tourism

... Medical Tourism คือการท่องเที่ยวสุขภาพ ผู้ป่วยชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลของประเทศไทย พร้อมกับการท่องเที่ยวไปในตัว นอกจากนี้อุตสาหกรรมยังขยายไปถึงการดูแลสุขภาพ ศัลยกรรมความงาม ที่เรียกว่า Wellness Center อีกด้วย ถือได้ว่าเป็นตลาดที่กว้างมาก และธีมนี้ถือเป็น S-curved รอบใหม่ของกลุ่มโรงพยาบาลก็ว่าได้

สถาบัน Allied Market Research ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทำวิจัย วิเคราะห์เศรษฐกิจของโลก บอกไว้ว่า อุตสาหกรรม Medical Tourism จะเติบโตไปอีก 8 ปีข้างหน้า (2017 -2023) เฉลี่ยปีละ 15% เลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (รวมประเทศไทยด้วย) คาดกันว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 5 ล้านล้านบาท ซึ่งผู้ครองส่วนแบ่งตลาดรายใหญ่ คือไทย อินเดีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย

ในประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมมาก ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐให้ไทยเป็น Medical Hub ของเอเชีย

แต่รู้หรือไม่ว่าการเกิดวิกฤตโควิดครั้งนี้กำลังทำให้อุตสาหกรรม Medical Tourism อยู่ในภาวะ "ยากลำบาก" และยิ่งเรามีการแก้ไขเรื่องของโรคระบาดที่ช้าด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ Medical Tourism ของประเทศไทยถูกแย่งส่วนแบ่งไปเรื่อยๆ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์ถึงประเด็นเรื่องของ  Medical Tourism ยังคงลำบาก ท่ามกลางโควิดที่ยังไม่คลี่คลาย มีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง จะเล่าให้ฟังแบบสรุปๆ ครับ

1. ธีม ยังคงลำบาก Medical Tourism ของไทยในปี 2564  หดตัวไม่ต่ำกว่า 90% เมื่อเทียบจากปี 2563 (ช่วงที่โควิดเริ่มระบาดแรง)

2. ในปี 2565 อาจจะฟื้นตัว แต่เป็นการฟ้นตัวจาก "ฐานต่ำ" และรายได้จากธุรกิจนี้จะไม่ Perform ต่อไปอีกหลายปี

3. ประเด็นสำคัญว่ากลุ่ม Medical Tourism จะฟื้นตัวเร็วหรือช้า กุญแจสำคัญอยูที่ "คนไทยฉีดวัคซีนเร็วหรือช้า"

4. ที่ผ่านมาโควิดทำให้รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนใตลาดหลักทรัพย์ฯ หดตัวประมาณ 12.5% และ 11.9% แต่หลังจากปี 2565 การจัดการโควิดในประเทศ เป็นปัจจัยที่จะขับเคลื่อนรายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่กำลังคาดหวัง "การเติบโตรอบใหม่" จากธุรกิจ Medical Tourism

5. ศูนย์วิจัยกสิกรคาดว่า ธุรกิจ Medical Tourism จะทำเงินให้กับโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 24% ของรายได้โรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด

6. พื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยจะใช้ทำ Medical Tourism จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย ได้แก่  กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี (พัทยา)

7. ฐานกลุ่มลูกค้าที่สำคัญ คือ ตะวันออกกลาง จีน และกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา และลาว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าประเทศไทยจะฟื้นจากโควิดได้ น่าจะอยู่ประมาณภายในสิ้นปี 2564 โดยมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เกิน 1000 คนต่อวัน และไม่มีการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่

อย่างไรก็ดี อาจจะต้องติดตามสถานการณ์การระบาดรวมถึงการบริหารจัดการโควิดในประเทศอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปจนถึงปีหน้า ก็อาจจะสร้างความกังวลและทำให้จำนวน Medical Tourism ที่จะเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทยน้อยกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น

... ก็คาดหวังว่าประเทศไทยจะกลับมาให้เร็วที่สุด วัคซีนคือปัจจัยสำคัญ ...

--------------------
แหล่งข้อมูล
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย