บทวิเคราะห์หุ้น มีความสำคัญมากแค่ไหนสำหรับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน ?
เราจำเป็นต้องอ่านมันไหม ?
ว่ากันว่าในอเมริกา มูลค่าของบทวิเคราะห์ที่บริษัทวาณิชยกิจ "ทุ่มเงิน" ลงไป มีมากกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ถ้าเราจะบอกว่ามันไม่ได้มีคุณค่าขนาดนั้น มันก็คงจะไม่มีใครยอมใส่เงินเพื่อซื้อ "ข้อมูล" เหล่านั้น
... ดังนั้น ถ้าเราบอกว่ามันไม่มีความสำคัญ ก็อาจจะไม่จริงซะทีเดียว
ถ้าบทวิเคราะห์น่าเชื่อถือขนาดนั้น เราควรซื้อขายตามบทวิเคราะห์ไปเลยดีไหม ?
บทวิจัยจาก ZACKS Investment บอกว่า คำแนะนำของบทวิเคราะห์ "มีประโยชน์อยู่บ้าง" ในบางมุม โดยบทวิเคราะห์แสดงให้เราเห็นว่า
1. เราสามารถใช้ประโยชน์ของบทวิเคราะห์จากการที่นักวิเคราะห์ "เปลี่ยนแปลง" คำแนะนำ ความสำคัญคือการเปลี่ยนมุมมองของนักวิเคราะห์คนนั้นควรจะมีประเด็นอะไรใหม่ๆเกี่ยวกับตัวหุ้นนั้นๆหรือไม่
2. เราสามารถ "คาดเดา" แนวโน้มของผลประกอบการในหุ้นตัวนั้นๆว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
3. คำแนะนำของหุ้นขนาดเล็ก มักเอาไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าหุ้นขนาดใหญ่
4. คำแนะนำที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นมากกว่า การออกบทวิเคราะห์ซ้ำๆว่าซื้อ หรือขายมาตลอด
5. นักวิเคราะห์บางคนมีอิทธิพลต่อราคาหุ้น มากกว่านักวิเคราะห์อีกคนหนึ่ง
การทำวิจัยของ ZACKS Investment โดยเก็บข้อมูลย้อนหลัง 20 ปี เน้นย้ำว่า "ช่วงการเปลี่ยนคำแนะนำ" ของนักวิเคราะห์ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนจาก ขายมาเป็นซื้อ หรือจากซื้อมาเป็นขาย จะส่งผลกระทบต่อวอลุ่มและราคาหุ้นมากกว่า การเชียร์ซื้อหุ้นตัวนั้นๆติดต่อกันมา 6 เดือนแล้ว
... นั้นหมายความ การเปลี่ยนคำแนะนำ ส่งผลต่อจิตวิทยาของนักลงทุนค่อนข้างมาก
การศึกษาของ ZACKS Investment ลงลึกไปอีกกลับพบว่า นักลงทุนรายย่อยมีแนวโน้มจะซื้อขายตามการ "ยกระดับคำแนะนำ" หมายถึงจากขายมาเป็นถือ รายย่อยจะเข้าซื้อระดับหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนจากถือมาเป็นซื้อ ก็จะซื้อเพิ่มมากขึ้น เรียกว่ายกระดับคำแนะนำ
... ในขณะที นักลงทุนสถาบันจะเน้นปรับพอร์ตเวลา "ลดระดับคำแนะนำ" อาจจะเป็นเพราะว่าสถาบันมีเงินจำนวนมาก และซื้อหุ้นไปมากแล้ว เมื่อบทวิเคราะห์วิเคราะห์ในเชิงบวก นักลงทุนสถาบันมีหุ้นอยู่แล้วจึงไม่ได้ทำอะไร ในขณะที่ถ้าบทวิเคราะห์แนะขาย นักลงทุนสถาบันจะเทขายหุ้นทันที
ดังนั้น ทาง ZACKS Investment แนะนำว่าการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันเป็นสิ่งที่รายย่อยต้องติดตาม โดยเฉพาะถ้าหุ้นตัวหนึ่งมีการปรับลดระดับคำแนะนำ จำเป็นจะต้องเข้าไปศึกษาทันทีว่าลดคำแนะนำเพราะอะไร
นอกจากนี้ ยังมีการเจาะลึกข้อมูลอีกด้วยว่า ช่วงของการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำทำให้วอลุ่มของหุ้นนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำมีผลต่อการเคลื่อนไหวของนักลงทุนสถาบัน และยังสอดคล้องอีกด้วยว่า การยกระดับคำแนะนำทำให้การเพิ่มขึ้นของวอลุ่มน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของวอลุ่มช่วงที่มีการลดระดับคำแนะนำ .. เนื่องมาจากนักลงทุนสถาบัน นั้นเอง
สรุปแล้วเราจะใช้บทวิเคราะห์ได้อย่างไร .. สรุป 4 ข้อแบบนี้ครับ
1. การเปลี่ยนแปลงคำแนะนำ มีความสำคัญกว่า ระดับของคำแนะนำที่แนะนำมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เปลี่ยนจากซื้อมาเป็นขาย สำคัญกว่าแนะนำซื้อมาตลอด 6 เดือน
2. การลดระดับคำแนะนำ สำคัญกว่า การยกระดับคำแนะนำ
3. หุ้นขนาดเล็ก จะใช้บทวิเคราะห์ได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ZACKS Investment แนะนำว่าการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำ ควรนำมาพิจารณาควบคู่กับข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมด้วย เช่น พื้นฐาน ความถูกแพงของตัวหุ้น อัตราการปันผล เพราะการขยับตัวของนักลงทุนหมายถึงมีต้นทุนที่ต้องจ่ายทุกครั้งนั้นเองครับ