หลังจากในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งคุณจรัมพร โชติกเสถียร ประกาศ 6 กลยุทธ์ในการยกเครื่องครั้งใหญ่ของการบินไทย แต่ปรากฏว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 กลับขาดทุนสูงถึงกว่า 9,894 ล้านบาท
ทำให้หลายๆคนสงสัยว่า ทั้งๆที่ต้นทุนราคาน้ำมันน่าจะลดลง ทำไมผลจึงออกมาขาดทุนได้?
เราลองมาดูงบของการบินไทยกันดีกว่า ว่าจริงๆแล้ว สาเหตุของการขาดทุนนั้นเป็นเพราะอะไร เราลองมาดูกันทีละจุด
เริ่มจาก รายได้จากการขายของไตรมาส 3 ปีนี้ เทียบกับปีที่แล้วกันก่อน
จะเห็นว่ารายได้จากการขายสินค้าและบริการนั้น แม้จะลดลงจากปีก่อนบ้าง แต่ก็ยังไม่มากเท่าไหร่ แสดงว่าผลการดำเนินงานไม่ได้แย่ลงมาก ดังนั้น สาเหตุที่รายได้ลดลงอาจจะมาจากอย่างอื่น ลองมาดูรายได้รวมทั้งหมดกันครับ
พอดูแบบนี้แล้วเห็นภาพชัดเลย ว่าสาเหตุหลักๆที่รายได้หายไปนั้น เป็นเพราะ “ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน” นั่นเอง ซึ่งจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่เป็นรายได้ (FX Gain) ในปีนี้กลับกลายเป็นรายจ่าย (FX Loss) ถึง 4,531,554,554 บาทเลยทีเดียว
และเมื่อลองดูอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินดอลล่าห์ ก็พบว่าช่วงไตรมาสสามของปีนี้ ค่าเงินบาทต่อดอลล่าห์นั้นอ่อนตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ในเดือนกันยาที่ผ่านมานี่ถือว่าเป็นจุดเกือบพีคเลยก็ว่าได้
ต่อมา เราลองมาดูในด้านของค่าใช้จ่ายกันบ้าง ว่ามีผลต่อการขาดทุนมากน้อยแค่ไหน
จากกราฟ คงตอบข้อข้องใจหลายๆคนเรื่องว่า ทำไมน้ำมันถูกลง แต่ค่าใช้จ่ายกลับลดลงไม่มาก
เพราะจากที่เห็น ค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันก็ลดลงมาพอควร แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันอยู่ ซึ่งหากเราลองดูสัดส่วนค่าใช้จ่ายแล้ว จะเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น
เห็นได้ว่า น้ำมันและเชื้อเพลิงนั้น เป็นสัดส่วนเพียงแค่ 34% ของรายจ่ายเท่านั้น ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ลดลงตามราคาน้ำมันอีกกว่า 60% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ซึ่งในบรรดาค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้น ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดก็คือ ส่วนของค่าเช่าเครื่องบิน (Lease of aircrafts and spare parts) เพิ่มขึ้นอีก 11 ลำในปีที่แล้ว
โดยสรุปคือราคาน้ำมันที่ถูกลง ไม่ได้ส่งผลในการประหยัดค่าใช้จ่ายของการบินไทยเท่าไหร่นัก
คงต้องลุ้นกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดการบินไทยจะแก้เกมส์ด้วยวิธีไหนเพื่อพลิกกลับมาทำกำไรได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินที่ร้อนแรงขึ้นทุกวัน
ที่มาข้อมูล: งบการเงิน, MD&A, Bloomberg