#แนวคิดด้านการลงทุน

นักลงทุนรายย่อย “เดอะแบก” แห่ง SET

โดย วัชราทิตย์ เกษศรี
เผยแพร่:
277 views

ในสภาพการที่ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงผันผวนหนัก จะโตก็ไม่โต จะตุ๊บก็ไม่ตุ๊บแบบนี้ เป็นเรื่องปวดหัวกันพอสมควรสำหรับนักลงทุนทั้งรายเล็ก รายกลาง รายย่อย ที่จะเอายังไงดีกับการลงทุน ปรับพอร์ตกันจนแทบจะทุกกระบวนท่า ขุดมาทุกตำราเพื่อให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้ในตลาดที่แสนจะเปราะบางแบบนี้


ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาเมื่อประเทศไทยเข้าสู่บรรยากาศการล็อกดาวน์ ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเรื่องของโรคระบาดยังเป็นปัจจัยลบสำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างไม่ค่อยเชื่อมั่น โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันที่เทขายสินทรัพย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่ตลาดยังไปต่อได้ในเวลานี้ ก็คงหนีไม่พ้นนักลงทุนรายย่อย ที่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักค้ำยัน SET เอาไว้ ในวันที่ใครๆ ต่างก็เมินหน้าหนี

ที่บอกว่ารายย่อยคือ “เดอะแบก” ของ SET นั้น ไม่ได้กล่าวเกินความจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะทางด้านของ นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยสัดส่วนของนักลงทุนในเวลานี้ว่า นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่อง เป็นเดือนที่ 16 โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 64 การซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยคิดเป็นสัดส่วน 47.18% ของมูลค่าการซื้อขายรวม เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากต้นปี 64 ที่อยู่ระดับ 40% ต้น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนหลักที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง


ขณะที่สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ปัจจุบันอยู่ที่ 37.71% และสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนสถาบัน 6.38% และสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายของบัญชีหลักทรัพย์ 8.73%

โดยปีนี้นักลงทุนต่างชาติ “ขายสุทธิ”หุ้นไทยไปแล้ว 77,817 ล้านบาท เป็นการขายหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ขณะที่นักลงทุนรายย่อยมีสถานะซื้อสุทธิกว่า 111,276 ล้านบาท

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ารายย่อยมักเป็นเหมือนมดงานตัวน้อยๆ หลายแสนตัวที่ยังคงเคลื่อนไหวตามกำลังของแต่ละคน ทำให้บรรยากาศของตลาดไม่นิ่งสนิทไร้ชีวิตชีวา แต่ก็มักจะตกเป็นเป้าของการเข้ามาเล่นเกมส์การเงินของรายใหญ่เสมอ เพราะรายย่อยในทีนี้รวมไปถึงมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดที่ยังไม่เป็นเกมส์ ดูทิศทางลมยังไม่ค่อยเป็น ประเทศที่เห็นคนซื้อก็ซื้อตาม เห็นเขาขายก็ขายตามบ้าง ยังไม่สามารถยืนระยะได้ ซึ่งเมื่อตลาดเกิดมีข่าวอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็สะดุ้งแล้ว เพราะการที่ยังไม่สามารถทำจิตใจให้นิ่งมากพอ เผลอคันมือ หรือมือลั่นอยู่บ่อยครั้ง

ในช่วงที่ต่างชาติหาย รายใหญ่พักเกมไป ตอนนี้เหมือนว่ารายย่อยจะค่อยๆ เข้าเสริมเพิ่มมากขึ้น ดูได้จากตัวเลขของการเปิดพอร์ตหุ้นใหม่ๆ ในช่วงครึ่งแรกของปีที่พุ่งพรวดถึง 1,156,290 บัญชี เพิ่มขึ้น 188.04% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มียอดเปิดบัญชีใหม่แค่ 401,439 บัญชี ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนบัญชีซื้อขายหุ้นทั้งหมด 4,670,287 บัญชี

ทั้งนี้เทรนด์ปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใหม่เป็นสถานการณ์ที่กำลังเกิดทั่วโลก มาจาก3 ปัจจัยหลักคือ
1.ภาวะดอกเบี้ยต่ำทำให้คนสนใจสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนที่ดีขึ้น
2.การ Work from Home ที่คนมีเวลาเยอะ หนุนให้คนมีความคุ้นชินกับการใช้ดิจิทัลมากขึ้น และง่ายขึ้น
3.บริษัทจดทะเบียนมีการกระจายหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก เช่น หุ้น OR ซึ่งเป็นสิ่งที่กระตุ้นทำให้มีการเปิดบัญชีหุ้นใหม่เพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ตามแม้ว่าการมีจำนวนพอร์ตหุ้นที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้เล่นหน้าใหม่ๆ นับล้านคนจะยืนระยะอยู่รอดได้ยาวนานทั้งหมด เพราะจะการที่จะยืนระยะได้นานๆ ในตลาดก็ต้องมีการศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง และลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะต่อให้หุ้นที่เราเล็งๆ ไว้จะดูวิ่งฉิว แต่หุ้นมีขึ้นมันก็มีลง เข้าถูกจังหวะก็เกาะขบวนรถที่วิ่งไปได้ทัน แต่เข้าผิดก็จะเป็นผู้พิชิตยอดดอยคอยจนเหงาเขาก็ยังไม่กลับมารับเสียที ฉะนั้นถ้าอยากจะมีชีวิตรอด และไม่แพ้ในเกมส์ ก็ต้องลับฝีมืออยู่เสมอ เพราะนักลงทุนคือผู้ที่ไม่หยุดหาความรู้ในทุกๆ วัน


ประวัตินักเขียน : 10 ปี ในอาชีพผู้ประกาศข่าว ผู้สื่อข่าว และครีเอทีฟโปรดิวเซอร์รายการทีวี สิงสถิตสายเศรษฐกิจมหภาค อาเซียน และต่างประเทศ จากกรุงเทพธุรกิจทีวี NOW26 NEW18 GMM25 JKN-CNBC และ NBT WORLD

ผู้ก่อตั้งเพจและเว็บไซต์ Reporter Journey ที่มีผู้ติดตามทุกแพล็ตฟอร์มกว่ากว่า 250,000 คน

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง