มีโอกาสได้อ่านหนังสือ John Neff on Investing หรือชื่อภาษาไทย คือ ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์
... นักลงทุนบางคนอาจจะไม่รู้จักว่าจอห์น เนฟฟ์ เป็นใคร
เขาเป็นผู้จัดการกองทุน Windsor Fund ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยที่ผลงานของเขาออกมาดีในระยะยาวเทียบเคียงกับวอเร็น บัฟเฟตต์ และปีเตอร์ ลินซ์ ที่บริหารกองทุน Fidelity Fund โดยใช้หลักการลงทุนเน้นคุณค่า เช่น
1. เลือกหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน ธุรกิจของบริษัท
2. ชอบหุ้น P/E ต่ำ
3. ลงทุนสวนกระแส กับนักลงทุนส่วนใหญ่
4. ถือหุ้นยาวนาน (เฉลี่ย 3 ปี)
ผลงานของเขาสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 32% ตลอดระยะเวลา 31 ปี .. ถือว่าไม่ธรรมดา
มีหลักคิดข้อหนึ่งที่น่าสนใจ บอกไว้ว่า หุ้นทุกตัวที่เขาถือ มีไว้เพื่อขายทำกำไร !!!
การถือหุ้นไว้นานเกินไป เราอาจจะไม่เหลือกำไรเลย โดยเขาพยายามจะพิจารณา ดังนี้
1. หุ้นที่เขาถือต้องไม่เยอะตัวจนเกินไปเพราะ เราอาจจะลืมเหตุผลในการซื้อไปตั้งแต่แรก
2. เขาจะรีวิวหุ้นทุกๆเดือน ว่าหุ้นเหล่านี้มีราคาที่แพงไปหรือยัง ราคาขึ้นมาเท่าไรแล้วจากที่เขาซื้อ
3. ทุกๆครึ่งปี เขาจะติดตามผลประกอบการ ดูการเติบโตของยอดขาย รายได้ ว่าเป็นไปตามที่เขาคาดหรือไม่ ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น เพราะสาเหุตอะไร
4. นักลงทุนมืออาชีพ จะมีราคาเป้าหมาย เมื่อราคาเข้าใกล้เป้าหมายแล้วก็อาจจะขายไปบ้างระหว่างทาง
สาเหตุที่ขายเพราะเป็นเรื่องของวงจรตลาด และกลยุทธ์ในการปรับพอร์ต
หุ้นบางตัว ถ้าถือไว้นานเกินไป ราคาอาจจะกลับมาที่จุดเดิมซึ่งนั้นหมายความว่าเราแทบจะไม่ได้กำไรอะไรเลย เช่นหุ้นที่คาดหวังการเติบโตและการมองโลกในแง่ดีไว้มากๆ เมื่อเวลาผ่านไปธุรกิจยังคงทำได้ดีเพียงแต่การเติบโตลดลง แต่ไม่ได้เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวัง หุ้นก็อาจจะลง และลงกลับมาที่จุดเดิม
... ดังนั้น อย่าถือหุ้นไว้นานเกินไป เมื่อถึงราคาเป้าหมายแล้วควรจะขายระหว่างทางบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร