บทวิเคราะห์ของ KKP Research เกียรตินาคินภัทร ออกบทวิเคราะห์ภาพของประเทศไทยในอนาคต ว่าประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจในหลายมิติ ซึ่งแยกออกเป็น 3 มิติ คือ
มิติแรก "การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน"
1. ตลาดหุ้น โดนเทขายอย่างต่อเนื่องในนามของนักลงทุนต่างชาติ
2. นักลงทุนไทย ไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยการสำรวจ ไตรมาส 1/2021 นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท
มิติที่สอง "นักลงทุนต่างชาติ ไม่ลงทุนในไทย"
1. ในปัจจุบันต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
2. ในขณะที่บริษัทไทยก็เริ่มออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นเช่นกัน
มิติที่สาม "ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน"
1. การส่งออกทั่วภูมิภาคขยายตัวแข็งแกร่ง ในขณะที่ประเทศไทยฟื้นตัวได้ช้ากว่าหลายประเทศ
2. ไทยมีเทคโนโลยีต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง สะท้อนว่าต่างชาติมีความต้องการสินค้าไทยน้อยลง
โดยสาเหตุที่กล่าวมาเกิดจาปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยที่ไม่ "เอื้ออำนวย" ให้เกิดการพัฒนา โดยบทวิเคราะห์ KKP Research ได้ทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุออกมา 3 ประการ ได้แก่
1. สินค้าส่งออกของไทยเจอกับคู่แข่ง และความท้าทายใหม่ๆทั่วโลก
2. ไทยไม่มีสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่มีนวัตกรรม และทำหน้าที่เพียงรับจ้างผลิต
3. นโยบายของรัฐยังไม่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระยะยาว
จุดเปลี่ยนของประเทศไทยอยู่ตรงไหน ?
ปัญหาความสามารถในการแข่งขันอาจกำลังผลักให้เศรษฐกิจไทยก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนในอย่างน้อยสองประเด็นสำคัญ คือ
1. เศรษฐกิจไทยในอดีตที่พึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวอาจไม่ได้ผลอีกต่อไปในอนาคต หากประเทศไทยยังไม่มีการปรับปรุงโครงสร้างการส่งออกที่ชัดเจนอาจทำให้สินค้าส่งออกไทยไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่าเดิม หรืออาจหดตัวลงในบางกรณี เช่น หากทั่วโลกหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทนจะกระทบภาพการส่งออกรถยนต์และการจ้างงานในประเทศอย่างมหาศาล และ
2. ดุลการค้าของไทยอาจจะเกินดุลลดลงและสร้างความเสี่ยงกับฐานะการเงินระหว่างในระยะยาว ในวันนี้หลายฝ่ายยังเชื่อว่าดุลบุญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลอยู่จะกลับมาเกินดุลจากนักท่องเที่ยวที่จะทยอยกลับมาในปี 2564 และ 2565 KKP Research ต้องการชี้ให้เห็นว่ายังมีความเสี่ยงในกรณีเลวร้ายที่ความสามารถในการแข่งขันของไทยแย่ลงไปเรื่อย ๆ และไทยเสียส่วนแบ่งตลาดในสินค้าส่งออกหลักของไทย ทำให้รายได้ของคนในประเทศลดลงและไทยต้องหันมานำเข้าสินค้าที่เคยส่งออก เป็นไปได้ที่จะทำให้ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเปลี่ยนจากเกินดุลเป็นขาดดุล สร้างความเสี่ยงให้เงินบาทเปลี่ยนทิศทางจากแข็งค่าเป็นอ่อนค่าลงได้
ทางออกของประเทศไทย คือ ?
สินค้าส่งออกไทยยังมีข้อได้เปรียบในแง่ความซับซ้อนของสินค้าที่อยู่ในระดับค่อนข้างดีและสามารถต่อยอดสู่สินค้าใหม่ ๆ ได้ แนวทางการพัฒนาสินค้าของไทยยังสามารถต่อยอดจากสินค้ากลุ่มเดิมทั้งจากการเร่งให้เกิดการถ่ายโอนเทคโนโลยีมาสู่ผู้ประกอบการไทย และการขยายการผลิตสินค้าไปในกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีใกล้เคียงเดิม โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้ายานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง เครื่องจักร และเคมีภัณฑ์
KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่าเพื่อให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีได้ ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน และรัฐก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทาง ส่งเสริม และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญใน 4 ด้าน คือ
1. การพัฒนาคุณภาพปัจจัยการผลิต ลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ พัฒนาการศึกษาและคุณภาพแรงงานให้มีทักษะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ
2.การเข้าถึงตลาดและเพิ่มขนาดของตลาด เพื่อขายสินค้าผ่านการทำข้อตกลงการค้าเสรี อย่างไรก็ตามไทยยังต้องพัฒนาเศรษฐกิจและสินค้าในประเทศให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก
3. โครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยทางภูมิศาสตร์ที่ทันสมัย เช่น การขนส่ง การปรับปรุงกฎระเบียบด้านภาษีและการใช้สิทธิทางภาษีให้วางแผนและเข้าใจง่าย การเตรียมความพร้อมด้าน ICT และ High Speed Broadband
4. สถาบันเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมการแข่งขันที่เสรี ปราศจากการคอร์รัปชัน ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนในสินค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอาจใช้เวลายาวนานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมา การไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจและหวังพึ่งพาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเดิม ๆ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับวันนี้ ในระยะต่อไปรัฐจำเป็นต้องดำเนินโยบายเชิงรุกมากขึ้นเพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจความต้องการของนักลงทุน ออกนโยบายเพื่อดึงดูดการลงทุนต่างชาติรายใหม่ๆ ที่ตรงจุดเพื่อสร้างจุดเริ่มต้นให้ไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ๆ ได้
ที่มา : บทวิเคราะห์โดย KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร