การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ "ต้องคิดต่าง" กับคนส่วนน้อย นี้คือเคล็ดลับที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ..
 คำพูดนี้ พูดง่ายแต่ยากที่จะทำ  
ทุกคนรู้ ใครๆก็ต้องทำเพราะตลาดหุ้นคนกว่า 80% เจ๊ง ดังนั้นคนส่วนน้อยที่จะอยู่รอด

แต่เรารู้หรือไม่ว่า สิ่งที่ทุกคนรู้ แต่เวลาทำจริงกลับทำตรงกันข้าม ผลสุดท้ายตัวเราเองก็เลยอยู่ในกลุ่มของคนส่วนใหญ่

ในความเป็นจริง กลไกของตลาดหุ้นมันง่ายมาก คือมันวางอยู่บนภาพสะท้อนหรือวางเป็นกระจกส่องตัวเอง ....
ลองนึกถึง "กระจก" เวลาเรามองเข้าไปมันเป็นภาพกลับด้าน
เหมือนกัน ตลาดหุ้นก็เหมือนกัน เวลาคนส่วนใหญ่ซื้อ หุ้นเลยขึ้น แต่ในความหมายคือ "หุ้นมันจะแพง ..."
คำถามง่ายๆ คือ แล้วเราในฐานะนักลงทุน เราเข้าใจความหมายของการขึ้นลงเพียงใด

ลองคิดภาพตามว่า เวลาข่าวดีมา ทุกคนซื้อก็จะรู้สึกดี และอยากซื้อหุ้น ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่หุ้นแพงไปแล้ว
ส่วนเวลาที่มีข่าวร้าย หรือเวลาวิกฤต คนก็จะรู้สึก "กลัว" แล้วก็ขายหุ้นออกมาพร้อมๆกัน .. ก็ในเมื่อมันไม่มีเหตุผลให้ซื้อ เราก็ต้องขาย ส่งผลให้หุ้นมันลงนั้นเอง

ทุกอย่างที่พูดมัน "ง่าย" มัน Simple มากๆ ทุกคนเข้าใจ แต่เวลาที่เกิดจริงๆ มันจะไปกันคนละทาง ...

ทุกอย่างที่พูดมาก็เพื่อจะชี้ประเด็นว่า หลักการที่จะทำให้เรากำไรจากตลาดหุ้น คือ ซื้อตอนมันถูก และขายตอนมันแพง .. !!
โจทย์แรก คือ รอให้ตลาดเกิดวิกฤต ..
แค่โจทย์แรกก็ไม่ผ่านซะแล้ว เพราะโดยมากเวลาเกิดวิกฤตทุกคนก็กลับกันหมด หรือถ้าเราจะซื้อก็จะซื้อแตหุ้นที่วิ่งแรง มีข่าวดี มีประเด็นให้เก็งกำไร
... ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ "หุ้นปั่น" เพราะต้องการรวยเร็วในเวลาอันสั้น
แต่รู้หรือไม่ว่า หุ้นเหล่านี้ ขึ้นเร็วก็จริง แต่เวลาลงก็ลงเร็วพอๆกัน

ลองตั้งคำถามง่ายๆว่า หุ้นปั่นที่ขึ้นมามาก มันควรจะมีข่าวดีหรือข่าวร้าย --- แน่นอนว่าต้องเป็นข่าวดี เพราะถ้าข่าวร้ายใครจะซื้อ

สรุปโจทย์แรก ก็คือ "เลิกทำตามใจตนเอง" แล้วเอาเหตุผลเป็นที่ต้ัง จากนั้นก็หาโอกาสในวิกฤต เพราะถ้าเมื่อใดที่มีคนขายมากๆ นั้นแปลว่าต้องมีวิกฤตอะไรซักอย่าง สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือ รอวิกฤต และหาโอกาสจากในวิกฤตนั้น

โจทย์ที่สอง ก็ย้อนไปดูโจทย์แรก ... ถ้าอยากรวยก็ต้องคิดให้แตกต่าง
คิดให้ออกวา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา คนส่วนใหญ่จะทำอะไร และก็สรุปได้เลยว่า อะไรที่คนส่วนใหญ่แห่กันทำ เราควรระวังและไม่ไปทำตามคนส่วนใหญ่

แล้วเคล็ดลับที่จะทำให้เรารู้ว่า ซื้อของถูก คืออะไร .. ?
เอาง่ายๆว่า เวลาซื้อได้ในราคาถูก เรามักจะไม่สบายใจ... ไอเรื่องของความสบายใจนี้มันแปลกมากเพราะเวลาที่ข่าวดีเยอะๆ คนซื้อเยอะๆ ถ้าเราซื้อไปด้วยแล้วเราจะรู้สึกสบายใจ แต่สุดท้ายคนส่วนใหญ่ที่ซื้อแล้วสบายใจก็ขาดทุนกันซะส่วนใหญ่

ดังนั้น ถ้าเราซื้อแล้วไม่สบายใจ เช่นซื้อตอนมีข่าวร้าย เราก็เป็นส่วนน้อยของคนในตลาด

ที่เล่ามา อยากจะอธิบายว่าการที่คนพูดว่า "ซื้อของถูกก็รวยแล้ว" มันฟังดูง่าย แต่เวลาทำจริงไม่ง่ายเลยเพราะมีปัจจัยเรื่องของอารมณ์มาเกี่ยวข้อง