สรุปสาระสำคัญ
- GPSC เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน (ส่งผลให้มีสัดส่วนการถือหุ้น 41.6%) ในบริษัท Avaada ซึ่งเป็น portfolio โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอินเดียขนาด 3,744MW ด้วยเงินลงทุนราว 14,825ล้านบาท
- กำลังผลิต 3,744MW เป็นกำลังผลิตที่ดำเนินการแล้ว 1,394MW และอยู่ระหว่างการพัฒนา 2,352MW โดย Avaada ยังมีแผนการขยายกำลังผลิตเพิ่มในอนาคต
- ผู้บริหารชี้แจงว่าการเข้าลงทุนครั้งนี้ของ GPSC มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,145 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 32% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 6,613 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของบริษัท Avaada ที่ตั้งเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตเป็น 11,000 เมกะวัตต์ ในปี 2568
---------------------------------
ถือเป็นข่าวที่น่าสนใจสำหรับ GPSC กับการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าโซลาร์ของอินเดีย เพิ่มศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนในอนาคตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
จากรายงานของตลาดหลักทรัพย์ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC เข้าร่วมทุน Avaada Energy Private Limited (Avaada) หนึ่งในบริษัทพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของประเทศอินเดีย ผ่านบริษัทลูก GRSC ปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เข้าถือหุ้น 41.6% จากกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้นประมาณ 3,744 เมกะวัตต์ เพื่อขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน ตามเป้าหมายพลังงานหมุนเวียน 8,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GPSC ถือหุ้น 100% ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนใน Avaada ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศอินเดีย มูลค่าการลงทุนประมาณ 14,825 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนประมาณ 41.6% ของทุนทั้งหมด
ปัจจุบัน Avaada มีกำลังการผลิตไฟฟ้า (Committed Capacity) รวมทั้งสิ้น 3,744 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วประมาณ 1,392 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนประมาณ 2,352 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2564-2565 และมีเป้าหมายการเติบโตถึง 11,000 เมกะวัตต์ ในปี 2568 โดย GPSC สามารถรับรู้ผลการดำเนินงานจากการลงทุนดังกล่าวได้ทันที
วรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC ซึ่งเป็นแกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. กล่าวว่า การร่วมทุนดังกล่าวเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท ในฐานะ Flagship ของกลุ่ม ปตท. โดยการเข้าลงทุนครั้งนี้จะทำให้ GPSC มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,145 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 32% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 6,613 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของบริษัท Avaada ที่ตั้งเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตเป็น 11,000 เมกะวัตต์ ในปี 2568
ทั้งนี้ การเข้าร่วมทุนในโครงการดังกล่าวเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศของกลุ่ม GPSC ซึ่งได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการลงทุนใน Avaada ซึ่งมีเป้าหมายการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในอนาคต สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าในประเทศอินเดียที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน รวมถึงรัฐบาลอินเดียยังมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาด เพื่อใช้เป็นแนวทางส่งเสริมพลังงานสะอาดให้เป็นที่หนึ่งของโลก โดยอินเดียมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจาก 73 กิกะวัตต์ในปัจจุบัน ให้เป็น 450 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 ดังนั้นอินเดียจึงนับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และส่งผลดีต่อการขยายโอกาสด้านการลงทุนของบริษัทฯ อีกทั้งอินเดียยังเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอีกประเทศหนึ่ง
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท หรือ PTT กล่าวว่า การเข้าร่วมทุนในครั้งนี้ถือเป็นความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท. ผ่านทิศทางการลงทุนในอนาคตที่รองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อมุ่งสู่ Net Zero Carbon Emissions และช่วยสนับสนุนให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงปารีสร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
การขยายการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนรวม 3,744 เมกะวัตต์ในโครงการนี้ เมื่อโครงการดำเนินการเต็มกำลังการผลิตในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 4.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าของประเทศอินเดีย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนของกลุ่ม ปตท. ให้ถึง 8,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 นำไปสู่การพัฒนาพลังงานอนาคตอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป
บล.บัวหลวงวิเคราะห์ว่า ดีลนี้เป็นดีลที่สมเหตุสมผล ราคาเข้าซื้อดังกล่าวคิดเป็นราคาต่อ MW ราว 28.5 ล้านบาท ซึ่งการเข้าลงทุนครั้งนี้ GPSC ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อเข้าซื้อโครงการดังกล่าว และยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินเพื่อเข้าซื้อโครงการอื่นได้อีกในอนาคต
นี้ถือเป็นข่าวดีของผู้ถือหุ้นของ GPSC และเป็น Sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น ส่งผลให้เช้านี้บวกไปถึง 4.36% อยู่ที่ระดับราคา 77.75 บาทต่อหุ้น
---------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง