อะไรคือ Stock Wishlist
มีความสำคัญอย่างไร และทำไมเราต้องสร้างมัน ?
ในตลาดหุ้นเต็มไปด้วยหุ้นจำนวนมาก ยังไม่นับรวมกองทุน ETF หรือบางคนอาจจะโกอินเตอร์ไปลงทุนหุ้นต่างประเทศที่มีอยู่นับหมื่นๆตัว ถ้าให้ตามทุกบริษัทก็คงจะไม่ไหว ดังนั้นจึงต้องมีการสร้าง "กลุ่มหุ้น" ที่ตัวเองสนใจขึ้นมา เราเรียกว่า Stock Wishlist
นี้เป็น 5 ไอเดีย การสร้าง Stock Wishlist ฉบับมือใหม่ มีอะไรบ้างมาดูกัน
1. อ่านภาพใหญ่ เข้าใจ Mega Trend แห่งอนาคต
เราลองมองไปอีก 5 ปี หรือ10 ปีข้างหน้าว่าโลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปอยางไร อย่างเช่นประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) มีกลุ่มไหนบ้างที่จะได้ผลประโยชน์ เช่น กลุ่มการแพทย์ กลุ่มเทคโนโลยี สุขภาพ อาหารเสริม หรือธีมสังคมเมืองจะมีการจับจ่ายใช้สอบมากขึ้น กลุ่มค้าปลีกจะเติบโตตามสภาวะเศรษฐกิจ
หรือแม้แต่โลกของเราเข้าสู่ความเป็น Global มากขึ้น ธุรกิจเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต ที่เติบโตเร็ว รถไฟฟ้าที่แน่ใจว่าเกิดอย่างแน่นอน หรือแม้แต่ AI ก็ถือเป็นอีกธีมที่มีความน่าสนใจ
2. วิเคราะห์อุตสาหกรรมหรือธุรกิจ
ต่อจากข้อ 1 ถ้าเราเข้าใจภาพของอนาคต เราก็ต้องเลือกหุ้นรายตัว
เช่น หุ้นโรงพยาบาลน่าสนใจ ในประเทศไทยก็มี BDMS BH BCH ที่เป็น 3 โรงพยาบาลใหญ่
กลุ่มโรงพยาบาลขนาดเล็กแต่โตเร็ว เช่น CHG LPH VIBHA
ซึ่งวิธีการคัดเลือก ให้เราเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขัน พื้นฐานธุรกิจ ผลประกอบการ งบการเงิน ความแข็งแกร่งของงบการเงิน
3. วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การลงทุนตามหลักการ VI นั้น เราควรมองหาธุรกิจที่ดี ในราคาที่ถูก และมีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต แล้วจะรู้ได้อย่างไรบ้าง ก่อนอื่นคุณควรอ่านสรุปรายงาน 56-1 หรือรายงานประจำปีของแต่ละบริษัทที่คุณสนใจก่อน และทำการเปิดงบการเงินเพื่อดูความสามารถในการเติบโตทั้งด้านของรายได้ กำไรสุทธิ และความเสี่ยง หรือหนี้สินของบริษัท ดูค่าความถูกแพงของมูลค่า P/E, P/BV รวมทั้งการเทียบส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of safety) บางคนอาจจะกำหนดไว้ที่ 10-50% ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
4. วิเคราะห์หุ้นโดยใช้ปัจจัยเทคนิค
การลงทุนที่ดีนอกจากจะลงทุนถูกตัว ถูกที่ และต้องถูกเวลาด้วย เครื่องมือทางเทคนิคอล จึงมีความสำคัญใจการใช้จับจังหวะซื้อขายหุ้นได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น แนวรับ-แนวต้านที่มีระดับนัยสำคัญ หากหุ้นที่เราสนใจอยู่ทะลุแนวต้านที่มีความสำคัญไปได้ พร้อมกับมีปริมาณการซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบสัปดาห์ หรือใช้เครื่องมือ RSI ที่ไว้ดูรอบการขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัว
5.วางแผนการลงทุนก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
ก่อนที่เราจะซื้อหรือขายหุ้นตัวไหนตัวหนึ่ง สิ่งสำคัญคุณต้องมีเหตุผลทุกครั้ง ว่าทำไมถึงซื้อ-ขาย หุ้นตัวนั้น หุ้นตัวที่คุณลงทุนอยู่ คุณคิดว่าจะลงทุนระยะยาว หรือเก็งกำไรระยะสั้น
เราอาจจะแบ่งพอร์ตออกมาเป็น 2 พอร์ต คือ พอร์ตลงทุนระยะยาว และพอร์ตการลงทุนระยะสั้น แบ่งสัดส่วนตามความเหมาะสม เช่น 50-50 หรือ 70-30 และที่สำคัญคุณควรกันเงินสดสำรองเก็บไว้ส่วนหนึ่งด้วย เพื่อมีจังหวะโอกาสทองในการเก็บหุ้นในโพยที่คุณสนใจได้อย่างทันการ
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องมีวินัยและใช้สติในการลงทุนการลงทุนไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวแน่นอน ควรที่จะวางแผนการลงทุนเพื่อให้อยู่ในตลาดหุ้นได้นานพอ จากผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี ยังไม่นับรวมเงินปันผลอีก 3-4% ต่อปี
... หากเราลงทุนโดยไร้สติ ไม่มีวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องแล้วนั้น เราจะไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน
บางทีหุ้นตกเพราะปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับบริษัท คุณไม่จำเป็นจะต้องเทขายแตกตื่นตามคนอื่นๆ อย่าลืมทำการบ้าน วางแผนการลงทุน ปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเราจะเข้าใจการลงทุนได้มากกว่าคนอื่นๆ ในตลาดหุ้น