น่าจะเป็นเรื่องจริงที่ประเทศไทยจะกลับมาสู่การ Lockdown ทั่วประเทศอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลับมา ซึ่งการ Lockdown ครั้งนี้มีสาเหตุมาจากความน่ากังวลหลายประการ ได้แก่

1.จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอยางมาก ล่าสุดเพิ่มขึ้นถึง 7,058 ราย เดินหน้าทำ New High ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีอยู่ 67,614 ราย

2. การระบาดของสายพันธุ์ใหม่ คือ สายพันธ์ Delta ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

3. จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ตรวจพบในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น สะท้อนถึงจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มขยายวงออกไปจากเดิมที่เคยกระจุดอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล
... โดยปัจจุบัน สัดส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน กทม. ต่อ ต่างจังหวัดอยู่ที่ 50:50 จากก่อนหน้าที่อยู่ราว 60:40

บล.เอเชียพลัส แสดงความเห็นว่า หาก Lockdown เข้มงวดเหมือน ช่วงไตรมาส 2 ปีที่แล้ว สิ่งที่ตลาดหุ้นไทยจะต้องเจอตอนนี้ คือ

1. บรรยากาศเชิงลบ ที่ประเมินว่าการเติบโต GDP ของไทยจะ "ติดลบ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
แต่ความแตกต่างอยู่ที่ การ Lockdown ของปีที่แล้วเป็นกันทั่วโลก เผชิญแรงกดดันทั้งในประเทศและต่างประเทศไปพร้อมๆกัน
สำหรับการปิดครั้งนี้ อาจจะไม่รุนแรงเท่าปีที่แล้วในกรณี Worst Case
โดยประเมินว่า GDP งวด 2Q64-3Q64 ของประเมินมูลค่าจะลดลงจากปีที่แล้ว คาดจะหดตัวทั้ง qoq และ yoy และมีโอกาสสูงที่ GDP Growth ทั้งปี 64 อาจจะพลิกกลับมาติดลบ

2. กำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 จะลดลงทั้ง qoq และ yoy
ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากไตรมาส 3 ที่จะกลายมาเป็นจุดต่ำสุดของปี เพราะการ Lockdown ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดน้อยลง และกระทบต่อภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากมีการ Lockdown จริง มาตรการน่าจะเข้มงวดขึ้นกว่าทั้งไตรมาสที่ผ่านมา และช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาตการ Lockdown แม้จะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ต้องแลกมากับเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าลง

3. กลุ่มของหุ้นไทยที่โดนกดดันมากที่สุด คือ AUTO,MEDIA, TRANS, CONS ในขณะที่กลุ่มพลังงานซึ่งเป็นกลุ่มหลักของหุ้นไทยอาจจะช่วยผยุงตลาดได้บ้างแต่ต้องรอความชัดเจนจากกลุ่ม OPEC ที่จะมีแนวทางต่อราคาน้ำมันอย่างไรในช่วงไตรมาส 3

อย่างไรก็ตาม มุมมอง กำไรต่อหุ้นของตลาดโดยรวม (EPS Consensus) ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง 83.6 บาท/หุ้น ซึ่งยังไม่รวมประเด็นเรื่อง Lockdown แต่ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงๆจะต้องมีการปรับลดลงไปอีก

-----------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส