เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกันในสภาวะเศรษฐกิจของไทยที่ไม่ได้เติบโต ในขณะที่การเป็นหนี้ของคนไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว
ล่าสุดศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 1/2564 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14.13 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.5% ต่อจีดีพี สูงสุดในรอบ 18 ปีตามสถิติที่มีการเก็บรวบรวมของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสูงขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 89.4% ต่อจีดีพี ในไตรมาสที่ 4/2563
.... โดยหนี้ครัวเรือนที่ขยับขึ้นในไตรมาส 1/2564 มาจากหนี้ใน 3 กลุ่ม คือ
1. หนี้บ้าน
2.  หนี้ประกอบอาชีพ
3. หนี้เพื่อใช้จ่ายชีวิตประจำวัน

อีกทั้งสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ที่ลากยาวเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปีจะเพิ่มความเสี่ยงต่อเส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคครัวเรือนที่มีรายได้ "ไม่สม่ำเสมอ" ทำให้ต้องเกิดการกู้หนี้ยืมสินกัน
จากบทวิจับยังบอกอีกด้วยว่าผู้ตอบแบบสอบถามในเดือนมิ.ย. ส่วนใหญ่ราว 79.5% ประเมินว่า ปัญหาหนี้ของตัวเองยังไม่น่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564

** ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมาก ....

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่าแม้จะไมมีปัญหาโควิด หนี้ครัวเรือนก็ถือเป็นปัญหาลำดับต้นๆของประเทศที่รอการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และถึงแม้จะเกิดปัญหาโรคระบาดขึ้น การเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนไม่ใช่มีแค่ประเทศไทยอย่างเดียว เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นในหลายๆประเทศทั่วโลก

สิ่งที่ภาครัฐพอจะทำได้ คิอ การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังหลังผ่านเหตุการณ์ COVID-19 ไปแล้ว การเพิ่มศักยภาพของประชาชน เพิ่มจำนวนงาน เพิ่มจำนวนรายได้ ดูแลการก่อหนี้ของภาคประชาชน พร้อมหามาตราการปรับโครงสร้างเพื่อประคองลูกหนี้ ตลอดจนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมุล
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย