การประกาศเพิ่มทุนหุ้น Banpu ถือว่าเป็น Negative Sentiment ของบรรยากาศการลงทุนของตัวหุ้นเอง มาดูกันว่ามีรายละเอียดอย่างไร และมุมมองของโบรคเกอร์จะมองต่อประเด็นนี้อย่างไร

Banpu เพิ่มทุนครั้งใหญ่ (อีกแล้ว) มากถึง 5.07 พันล้านหุ้น ระดมเงินกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท (พร้อมแจก Warrants อีก 3 ชุด)
1. เพิ่มทุนผ่านผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 4 หุ้นเดิม ได้ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคา 5 บาท

2. แจกวอร์เร็นเพิ่มอีก 3 ชุด คือ ...
Banpu-W4 (ราคาใช้สิทธิ์ 5 บาท อายุ 1 ปี)
Banpu-W5 (ราคาใช้สิทธิ์ 7.5 บาท อายุ 2 ปี)
Banpu-W6 (ราคาใช้สิทธิ์ 7.5 บาท อายุ 3 ปี)
โดยวอร์เร็นทั้ง 3 ชุดนี้ ยังไม่มีรายละเอียดในการลงทุนใหม่

การเพิ่มทุนดังกล่าวจะขึ้น XR ในวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ดังนั้นถ้าใครไม่อยากเพิ่มทุนจำเป็นจะต้องขายก่อนจะถึงวันที่ 16 นี้ครับ

บล.เอเชียพลัส มองว่าหลังขึ้นเครื่องหมาย XR แล้ว ราคาหุ้นจะลดลงมาอยู่ที่ราวๆ 10-11 บาทต่อหุ้น แต่ในส่วนของมูลค่าพื้นฐานหลังการระดมทุนกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากน้อยเพียงใดนั้น ทาง Banpu ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่าจะนำไปลงทุนโครงการใด และผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร
... เพียงแต่บริษัทชี้แจงว่าจะนำเงินไปลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ
1. ธุรกิจแหล่งพลังงาน
2. ธุรกิจผลิตพลังงาน
3. กลุ่มเทคโนโลยีพลังงาน

ฝ่ายวิจัยมองว่า ถ้า Banpu นำเงินไปสร้างผลตอบแทน ROE ที่ 10% มูลค่าพื้นฐานจากเดิม 13 บาท จะลดลงมาอยู่ที่ 9-10 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ประเด็นของการเพิ่มทุน จะกดดันหุ้น Banpu ในช่วงสั้น จากผลกระทบของ Dilution ที่เกิดขึ้น

บล.บัวหลวง สรุปประเด็นจากทาง Banpu จัดประชุมนักวิเคราะห์ ไว้ว่า ...
1. การเพิ่มทุนครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อ "เตรียมความพร้อม" ทางด้านการเงินในการลงทุนในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น

2. บริษัทเน้นลงทุนใน Greener & Smarter ทั้งธุรกิจก๊าซและ Renewable Enerygy โดยเฉพาะในประเทศอเมริกา
ธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน  ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาในหลายโครงการ

3. ทางบริษัทตั้งเป้าว่ารายได้จากธุรกิจ Greener & Smarter จะมี EBITDA เป็น 50% ของทั้งหมด ... ปัจจุบันมีเพียง 15%

4. การแจกวอร์เร็น เพื่อเป็นการบริหารการวางแผนทางการเงินในระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลงทุนระยะยาว

บล. บัวหลวงมองว่าระยะสั้นจะเป็นข่าวลบต่อราคาหุ้น แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าในระยะยาวแล้วจะเป็นการเสริมให้ Banpu เติบโตได้ในระยะยาว

-------------------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์

กรุงเทพธุรกิจ