เมื่อไม่นานมานี้องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้เปลี่ยนชื่อเรียกไวรัส COVID ที่เกิดการกลายพันธุ์ใหม่จากเดิม แบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ด้วยกันที่น่าวิตกมากๆ คือ

1. สายพันธุ์อังกฤษ ชื่อใหม่คือ สายพันธุ์อัลฟ่า
2. สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ชื่อใหม่คือ  สายพันธุ์เบต้า
3. สายพันธุ์บราซิล ชื่อใหม่คือ สายพันธุ์แกมม่า
4. สายพันธุ์อินเดีย ชื่อใหม่คือ สายพันธุ์เดลต้า ** ซึ่งสายพันธุ์นี้กำลังเข้ามาระบาดในประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีอีก 6 สายพันธุ์ที่ทางองค์กรอนามัยโลกกำลังจับตาและเฝ้าระวังอยู่ ...

ตอนนี้ทั้งตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจไทยกำลังกังวลกับการระบาด COVID-19 รอบใหม่ คือ สายพันธุ์ Delta ที่พบครั้งแรกในอินเดียและกำลังรุกรามมาไทยเป็นประเด็นที่น่ากังวลอย่างมาก

ฝ่ายวิจัยเอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า รูปแบบการระบาดในอินเดีย คือช่วงไตรมาส 1/2564 มีผู้ติดเชื้อเร่งตัวจาก 24,882 คน มาเป็น 414,188 คน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 15.65 เท่า ภายใน 55 วัน หลังจากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 51 วัน ก่อนที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดน้อยลง

สำหรับประเทศไทย หากจำลองสถานการณ์แพร่ระบาดคล้ายอินเดีย เท่ากับว่าไทยมีผู้ติดเชื้ออยู่ 3,481 คน จะเร่งตัวเป็น 57,945 คน เพิ่มขึ้น 15.65 เท่า ใน 55 วัน หรือช่วงเวลาประมาณ 15 กรกฏาคม 2564 ก่อนที่จะลดลงใกล้เคียงระดับเดิม คือวันที่ 4 กันยายาม 2564 หรือ 51 วัน ตามรูปแบบของอินเดีย
... นี้ถือเป็น Downside ใหม่ของเศรษฐกิจไทย ส่งผลกระทบต่อการปรับลดลงของ GDP ภาพรวมของการลงทุน การเปิดประเทศ และเพิ่มความเสี่ยงอื่นๆที่จะตามมา

ถึงแม้ว่าการประกาศเพิ่มเงินเยียวยา หรือชดเชยรายได้ให้กับแรงงาน 7.5 พันล้านบาท เป็นการกระตุ้นที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจไม่มาก รวมถึงมาตรการอื่นๆอย่างเช่นกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงิน จะเริ่มมีประสิทธิภาพต่ำถ้ายังปล่อยให้ยืดเยื้อกันต่อไป

ก็ถือเป็นประเด็นความกังวลใหม่ ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจอย่างเดียว แต่รวมถึงความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยอีกด้วย
สิ่งสำคัญคือ การเร่งจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพโดยเร็วที่สุด อย่าล่าช้าไปมากกว่านี้

----------------------------

โรงพยาบาลศิครินทร์

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส