การเข้ามาของแนวคิด VI หรือการลงทุนเน้นคุณค่าถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่มีนักลงทุนไทยใช้วิธีกันมาก จึงไม่แปลกใจที่จะเห็น "วิวัฒนาการ" ของมัน ไปสู่หุ้นเติบโตหุ้น และการไปลงทุนหุ้นต่างประเทศที่ใช้กลยุทธ์แบบ Value Investment
แต่การวิวัฒนาการนี้เอง ทำให้ดูเหมือนว่ามันจะ "ผิดเพี้ยน" ไปบ้าง และนั้นจึงเป็นที่มาของความผิดพลาดแบบ VI
เรามาดูกันว่า ความผิดพลาดแบบ VI หรือกับดักของ VI ที่มักจะพลาดนั้นมีอะไรบ้าง มาดุกัน
1. ซื้อแต่หุ้นปันผลสูง
หุ้นบางตัวให้ผลตอบแทนสูงถึง 10% แต่สิ่งที่นักลงทุนไม่เข้าใจคือ ประวัติการปันผลนั้นเป็นเพียงอดีต บางครั้งบริษัทอาจจะมีกำไรพิเศษจากการทำอะไรบางอย่าง และปีนั้นก็อาจจะมีการจ่ายปันผลที่มากกว่าปกติ ทำให้อัตราปันผลสูงขึ้น แต่นั้นเป็นการจ่ายปันผลพิเศษเพียงครั้งเดียว
ในอีกแง่หนึ่ง บางบริษัทมีนโยบายการจ่ายปันผลที่สูงซึ่งการจ่ายปันผลสูงอาจจะเป็นเรื่องที่ดี แต่จะมีปัญหาคือบริษัทไม่สามารถนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อ จะส่งผลให้กิจการโตได้ยากในอนาคต เมื่อบริษัทไม่ได้ลงทุนเพิ่มก็มีแนวโน้มไม่เติบโตหรืออาจจะ "แพ้" คู่แข่งได้ เสียส่วนแบ่งการตลาด เสียอัตรากำไร ทำให้รายได้และกำไรลดลง ส่งผลให้อนาคตปันผลที่จะได้ก็ลดลงตามไปด้วย
2. ซื้อแต่หุ้น P/E ต่ำ
ค่า P/E เกิดจาก ราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้นในปีนั้นๆ หรือที่ง่ายที่สุด คือ การเข้าไปดูในเว็บของตลาดหลักทรัพย์ ค่า P/E เหมือนจะใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพสูงในการดูว่าหุ้นถูกหรือแพง แต่นั้นเป็นแค่มิติเดียวเท่านั้น
การที่ค่า P/E ของหุ้นตัวนั้นต่ำเกิดจากการที่บริษัทมีกำไรพิเศษ ทำให้กำไรออกมาสูง เมื่อนำไปหารกับราคาหุ้น ทำให้หุ้นนั้นดูมีค่า P/E ที่ต่ำ กลายเป็นหุ้นราคาถูก แต่นั้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ถ้าเข้าสู่สภาวะปกติ กำไรออกมาปกติ ค่า P/E ของหุ้นนั้นอาจจะกลับมาสูงได้ นั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ว่า นักลงทุนต้องเข้าใจถึงเนื้อแท้ของกำไรในบริษัทนั้นๆ
3. ความโปร่งใสและความมีธรรมาภิบาลของผู้บริหาร
ดูเหมือนว่าปัญหาของความโปร่งใส เป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจน้อยที่สุด
... ถูกต้อง ถ้าหุ้นมันกำลังขึ้น และทุกคนก็ได้กำไร ใครจะไปสนใจเรื่อง "ความโปร่งใส" กันละ
แต่จริงๆแล้วเรื่องของความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญมาก ทั้งนี้อาจจะเป็นเรื่องของความเข้าถึงยาก ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว หรือแค่อ่านบทสัมภาษณ์ทางสื่อ หนังสือพิมพ์ก็ตีความเอาเองว่า เขาเป็นคนมีวิสัยทัศน์ หรือมีฝีมือจริงๆ
... แล้วแบบนี้พอจะมีวิธีบ้างหรือไม่
เอาจริงๆก็ต้องบอกว่า "มี" โดยเราสามารถเข้าไปดูยอดการซื้อขายของผู้บริหารประจำวันได้ ว่าผู้บริหารขายหรือซื้อ บางครั้งผู้บริหารอาจจะให้ข่าวว่าบริษัทเติบโตดี มีอนาคต แต่เขากลับขายหุ้นออกมา นักลงทุนก็ควรตั้งคำถามแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เราสามารถได้จากที่นี้ได้ : https://market.sec.or.th/public/idisc/th/r59
นี้ก็เป็นกับดัก 3 ข้อ ที่นักลงทุนต้องเรียนรู้และเข้าใจ เราไม่สามรถดูแค่ค่า P/E, P/BV หรือปันผลและสรุปเอาเองว่าเป็นหุ้นถูกหรือหุ้นแพง แต่สิ่งที่นักลงทุนต้องเข้าใจจริงๆ คือ การเข้าใจถึงที่มาของกำไร คุณภาพของรายได้ว่าเป็นอย่างไร ธรรมชาติการทำธุรกิจของบริษัทนี้เป็นอย่างไร
... ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจถึงเนื้อแท้ของบริษัท แต่ถ้าเราเข้าใจว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เราก็จะสามารถทำใจกับการนั่งอ่านบทวิเคราะห์ อ่านรายงานประจำปี ฟัง Oppday ทาง Youtube ได้อย่างตั้งใจ