ถ้าใครติดตามหุ้นกลุ่มแบงก์ จะเห็นได้ว่ามีข่าวดีเรื่องแบงก์ชาติได้ออกมาผ่อนคลายเรื่องของการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง ว่ากลุ่มธนาคารสามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลได้ หุ้นแบงก์เลยถึบตัวขึ้น แต่ขึ้นได้ไม่นานก็ร่วงแรงกลับมาสู่จุดเดิม ทำให้นักลงทุนต่างสงสัยว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ทำไมถึงมีแรงเทขายออกมา
แหล่งข่าวกล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงหลังจากมีความกังวลเรื่อง พลเอกประยุทธ์ จันท์โอชา ขอให้แบงก์ชาติ ทบทวนอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อย ได้แก่ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการศึกษาและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่สูงเกือบ 90% ส่งผลให้วานนี้หุ้นกลุ่มแบงก์โดนแรงเทขายอย่างหนัก ประกอบไปด้วย
KBANK -3.8%
SCB -2.8%
BBL -1.6%
KTB -0.9%
นี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มแบงก์เกิดความกังวล ...
เนื่องจากเป็นการกดดันให้แบงก์ชาติอาจจะมีการลดเพดานดอกเบี้ยคองเครดิตการ์ดและสินเชื่อส่วนบุคคลราวๆ 2% เหมือนกับปีที่ผ่านมาที่ได้มีการปรับลดไปแล้ว และการปรับลดก็เป็นการบังคับให้ภาคการเงิน การธนาคาร ต้องลดลงกระทบกับรายได้ของธนาคารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั้นเอง
บล.กรุงศรี วิเคราะห์ว่า KTB จะเป็นแบงก์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะมีสินเชื่อส่วนบุคคลมากที่สุด ซึ่งมีสินเชื่อรายย่อยมากถึง 43% ในขณะที่ KBANK และ BBL มีสินเชื่อรายย่อยน้อยกว่า ที่ 28% และ 13% ตามลำดับ
ส่วน SCB มีสินเชื่อรายย่อย 46% เหมือนจะมากกว่า KTB แต่ในสินเชื่อรายย่อยทั้งหมด เป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยประมาณ 70%
อย่างไรก็ตาม ทางบทวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า การขายหุ้นกลุ่มแบงก์ครั้งนี้เป็นเพียง "ข้ออ้าง" ของการขายหุ้นมากกว่า โดยเฉพาะตลาดช่วงนี้จับตาการประชุม FOMC มากกว่า มองว่าเป็นโอกาสในการซื้อสะสมจากการฟื้นตัวในประเทศ เศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว คุณภาพสินทรัพย์จะดูดีขึ้น และรัฐบาลจะต้องผ่อนคลายการเปิดเมืองมากขึ้นหลังจาก COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง
---------------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/943641
https://www.prachachat.net/finance/news-691415