ถือเป็นการขยับตัวที่น่าสนใจของ BTS หรือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่แต่เดิมธุรกิจหลัก คือ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพเป็นธุรกิจหลัก
แต่ด้วยวิกฤต COVID-19 ทำให้การเดินทางลดน้อยลง BTS ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน
BTS เปิดเผยประเด็นในการประชุมนักวิเคราะห์ว่าจะแบ่งธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลักด้วยกัน คือ
1. the Move (ขนส่ง)
2. Mix (สื่อและการวิเคราะห์ข้อมูล)
3. Match (ลงทุนในพันธมิตรทางธุรกิจ)
โดยจะแบ่งสัดส่วนรายได้ คือ Move 90%, Mix 7% และ Match 3% นั้นหมายความว่าบริษัทจะยังคงเน้นในเรื่องรถไฟฟ้าและขนส่งมวลชนเป็นหลัก
แนวคิดของการทำหน่วยธุรกิจ ถือเป็นโมเดลทางธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจมาก คือการพยายามรวบรวมข้อมูลที่มีจำนวนมากของ BTS มาเรียงใหม่เพื่อสร้าง "โปรดักส์" ใหม่ให้ตรงกับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น เช่น การตั้งราคาแบบไดนามิกในรถไฟฟ้า BTS หมายความว่า อาจจะมีการเสนอขายแพคเกจพิเศษที่ราคาถูกกว่าปกติ สำหรับผู้ใช้บริการในร้านอาหารหรือศูนย์ฟิตเนส ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้พันธมิตรทางธุรกิจ แต่ยังช่วยให้บริษัทสร้างรายได้มากขึ้นในชั่วโมงเร่งด้วย
การปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้จะช่วยเสริมให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอีกด้วย จากเดิมอยู่ที่ 19% จะมาอยู่ที่ 26%
นอกจากนี้ ธุรกิจเกี่ยวข้องกับการลงทุน บริษัทยังมองหาโอกาสอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนใน KEX ไปแล้ว
ฝ่ายวิจัยกรุงศรี มองว่า ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป และมองทั้งปีกำไรจะเป็นขาขึ้นจากโครงการใหม่ และจำนวนผู้โดยสารในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับโมเดลธุรกิจแบบใหม่นั้น ยังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการ ...
ฝ่ายวิจัยวิเคราะห์ว่า BTS มีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น หากวัคซีนมีการฉีดเพิ่มมากขึ้นในวงกว้าง แนวโน้มกำไรของ BTS จะเป็นขาขึ้นต่อไปอีกหลายไตสมาส มองเป็นโอกาสสำหรังการลงทุน
อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องมองถึงความเสี่ยงด้วยเช่นกัน ประเด็นเกี่ยวกับ BTS ที่ยังไม่ชัดเจน ประกอบไปด้วย 3 อย่างที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
1. การขยายอายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
2. หนี้ค้างรับ 3 หมื่นล้านบาทจากการให้บริการเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยาย
3. กรณีพิพาทโครงการสายสีส้ม
โดยภาพรวมแล้ว BTS ถือว่ามีความน่าสนใจ และตัวบริษัทเองก็พร้อมจะสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ แต่ในด้านความเสี่ยงนั้นก็ถือว่ามีมากด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่ออายุสัมปทาน และหนี้ค้างรับสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
... นักลงทุนจำเป็นจะต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดครับ
-------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล