2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง
"หุ้นส่งออก" มาเต็มๆ เพราะบาทอ่อนค่า
และสารพัดกลุ่มตีฟื้นคืนชีพตั้งแต่ปี 2545 จากการฟื้นของประเทศไทยหลังวิกฤต
2551 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
>> โอกาสมาที่หุ้นสารพัดกลุ่ม ดัชนีลงจาก 700 ไป 380 ภายในปีแรกซื้อกลุ่มไหนก็ขึ้น
>> ปีต่อมา ได้เวฟใหญ่ของเศรษฐกิจไทยขาขึ้น การเติบโตมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยว หุ้น AOT MINT CENTEL หุ้นห้าง
>> ยิงยาวไปขาขึ้นของ"หุ้นอสังหาฯ" PS LH LPN SPALI
>> การออกจากสัมปทานไปสู่ระบบใบอนุญาต ของ"หุ้นสื่อสาร" ADVANC DTAC INTUCH
>> และการเติบใหญ่ในอัตราเร่งของ "หุ้นค้าปลีก" CPALL BIGC MAKRO HMPRO
2554 ไตรมาสสาม น้ำท่วมใหญ่
หุ้นย่อจากพันกว่า ลงไป 850 เปิดแกปให้สารพัดกลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นอสังหาฯ หุ้นคอนโด ตลาดอสังหาฯ เติบโตมากๆหลังจากนั้นไปอีกหลายปี
และยังเป็นช่วงการแจ้งเกิด "หุ้นโรงไฟฟ้า" แบบใหม่ ที่ปกติเล่นกันแค่ EGCO RATCH GLOW คราวนี้ดาหน้าเข้ามาเป็นสิบตัว ทั้งไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ไฟฟ้าพลังน้ำ ไฟฟ้า SPP ต่อเนื่องมาถึง BGRIM และ GULF ที่ใหญ่โตมาจนทุกวันนี้
2563 โควิด
ตลาดย่อหนัก จาก 1600 เหลือ 970 ต้องใช้เวลา 1 ปีกว่า เพื่อกลับมาสู่จุดเดิม
แต่หุ้นที่ขึ้นมาดันตลาด ไม่ได้กลับมาทุกตัว ต้องยอมรับว่าตลาดเบี้ยว จากหุ้นอิเลคทรอนิคส์ และสารพัด IPO mega cap แสนล้านที่เข้ามาหลายตัว
ทำให้ดัชนีที่ดูเหมือนฟื้น แต่มีหลายกลุ่มยังนอนก้น
2564 โอกาสอยู่ไหน
ก่อนอื่นนักลงทุนต้องกล้ามองข้ามวิกฤต ไม่มองแง่ร้ายจนเกินไป มองเห็นความจริงที่ว่า โลกหลังโควิดนั้นมีอยู่จริง
และประเทศไทย ควรมีตัวเลขเศรษฐกิจกลับไปสู่ช่วง Pre Covid มีการท่องเที่ยวที่กลับมา มีการเดินทาง บริโภคใช้จ่าย ที่กลับมา เหมือน ธ.ค. 2562 ซักประมาณปีหน้าเป็นต้นไป
ถ้าหุ้นคือดัชนีชี้วัดล่วงหน้า 6-12 เดือน หมายความว่า ...
"หุ้นดีที่ถูกกระทบจากโควิด" แล้วราคายังแย่ในระดับ ไตรมาส2 ปี 63 อยู่นั้นไซร้ นั่นคือโอกาส