ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นค่อนข้างดี โดยสาเหตุหลักน่าจะประกอบไปด้วย 3 ปัจจัย คือ
1. อวสาร COVID-19
เมื่อทั่วโลกเข้าถึงวัคซีน มีการสร้างภูมิคุ้นกันหมู่กันมากขึ้น ร่วมถึงฝั่งเอเชียอย่างกลุ่ม TIP ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทรงตัวถึงลดลง บวกกับประเทศไทยมีแผนการกระจายวัคซีนตามแผน หนุนให้ FundFlow ไหลเข้าในเดือนมิถุนายน ทำให้หุ้นไทย Outperform ตลาดเพื่อนบ้าง
โดยแผนการฉีดวัคซีนของไทยเป้าหมาย 100 ล้านโดสให้เสร็จภายในสิ้นปี 2564 ครอบคลุมประชากรประมาณ 50 ล้านคน คิดเป็น 70% ของประชากร ปัจจุบันไทยฉีดไปแล้ว 4.19 ล้านโดย ยังเหลืออีก 95.18 ล้านโดส เท่ากับว่าเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.63 แสนโดสต่อวัน (ยังเหลืออีก 207 วัน) ฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นเป้าหมายที่ "ท้าทาย"
บล.เอเชียพลัสวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสดีต่อเนื่องไปอีก 1-2 เดือน ประมาณ 3-5% เพราะจากการศึกษาตลาดรอบข้าง เช่น ในอเมริกาเดือนมีนาคมที่มีการกระจายกันฉีดวัคซีน ทำให้ตลาดหุ้นมีเงินไหลเข้าประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญ และสูงกว่า 2 เท่าในเดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงตลาดหุ้นยุโปรเองก็เป็นแบบนั้นวัดจากดัชนี MSCI World ปรับตัวขึ้นประมาณ 3-5% โดยหุ้นที่ขึ้นจะเป็น Domestic Play
... สรุปคือช่วงที่มีการเร่งกระจายวัคซีนหุ้นมักจะขึ้นได้เร็ว โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค การเปิดเมือง
2. ปัจจัยในประเทศ .. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
ประเด็นที่มีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทยมากช่วงนี้คือ การกู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท มาเยียวยา COVID-19 และกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 ดีต่อเศรษฐกิจ และ Sentiment ต่อตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม หากกู้เงินได้ตามแผนจะทำให้หนี้สาธารณะของไทยเพิ่มเป็น 58.56% ของ GDP ซึ่งยังไม่เกิน 60% ของ GDP
3. ปัจจัยต่างปะรเทศ ... ประเทศ G7 เริ่ม Global Corporate Tax เป็น 15%
การประชุมของกลุ่ม G7 ได้บนรรลุข้อตกลงเรื่องของการปฏิรูประบบภาษีโลก โดยเห็นว่าต้องเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ หรือ Corporate Tax อย่างน้อย 15% จากบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ในประเทษนั้นๆ และปราบปรามการหลบเลียงภาษี โดยแต่ก่อนจะเก็บอยู่ในช่วง 19-30%
นี้ก็เป็น 3 ปัจจัย ที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเด็น 2 ข้อแรก คือ การตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส ครอบคลุม 70% ของประชากรไทย และการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินมากถึง 5 แสนล้านบาท