ปี 2564 ถือว่า “หุ้น IPO” หรือหุ้นจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ (SET และ mai)ที่มาเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรก ยังคงคึกคักต่อเนื่อง แม้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะผันผวน สลับกับการซึมตัว และเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ จะยังขายสุทธิ ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถลดความร้อนแรงของหุ้น IPO ลงได้
ตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน มีหุ้น IPO เข้าระดมทุนใน SET และ mai มากกว่า 10 บริษัท และเมื่อไปดูข้อมูลบริษัทที่ยื่นไฟลิ่งเตรียมเข้าจดทะเบียนใหม่ และอยู่ระหว่างรอสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติ พบว่ามีหุ้นรอเข้า SET อยู่ 14 บริษัท รอเข้า mai อยู่ 6 บริษัท และกองรีท(REIT)รอไอพีโออีก 4 กอง
ถ้านับเฉพาะช่วงปลายเม.ย. ถึง ต้นพ.ค.ที่ผ่านมา มีหุ้น IPO เข้าซื้อขายใน SET และ mai ถึง 6 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน สะท้อนจากราคาเปิดซื้อขายวันแรก ที่ปรับเพิ่มขึ้นในระดับหลายสิบ% หรือกว่า 150% จากราคา IPO ก็มี
นักลงทุนรายย่อย เห็นกำไรมากๆและง่ายๆแบบนี้ ก็ย่อมต้องอยากจองซื้อหุ้น IPO ด้วย และเพื่อนนักลงทุนจำนวนมาก ถามว่า..."ผมอยากจองหุ้น IPO ทุกตัวเลย แต่ไม่มีโอกาส ให้ทำไง ?" ก็ต้องบอกว่า ปกติแล้วการจองหุ้น IPO นั้นเป็นอะไรที่ต้องสะสมบารมี โอกาสจองนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคน และคนๆนั้นควรจะ
- มียอดเทรดในบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรคเกอร์...ที่มากพอควร
- โบรคเกอร์ที่เราเป็นลูกค้า ใช้งานอยู่ ... ได้เป็นผู้จัดจำหน่ายด้วย
แบบนี้จึงจะมีโอกาสได้หุ้นจอง IPO สูงนะครับ เพราะหุ้น IPO เวลากระจายแจกจ่าย มักจะไม่ได้แจกจ่ายเป็นการทั่วไป มักมีโควต้าชื่อ “บุคคลตามดุลยพินิจโบรกเกอร์” เป็นหนึ่งในสัดส่วนหลัก รวมทั้งโควต้าที่เป็นกลุ่มบุคคลเฉพาะ เช่น โควต้าผู้มีอุปการคุณบริษัท หรือ โควต้าผู้บริหาร พนักงาน เป็นต้น
กรณีที่รายยิบย่อยทุกคนจะมีโอกาสการจองหุ้น IPO ได้ หุ้นตัวนั้นต้องกันโควต้าหุ้นจัดสรรส่วนหนึ่งให้ "โควต้ารายย่อย จองผ่านธนาคาร" แล้วจัดสรร เช่น วิธี small lot first โดยปีที่ผ่านมามีหุ้น SCGP, หุ้น OR และ หุ้น TIDLOR ที่เปิดโอกาสให้รายย่อยแบบนี้
แม้ว่ากระแสหุ้น IPO ระยะนี้ถือว่าร้อนแรง เป็นที่สนใจของนักลงทุน สะท้อนจากความเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นในวันเข้าซื้อขายวันแรกค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้การันตีว่า จะเกิดกับทุกบริษัทที่ขายหุ้น IPO นะครับ เพราะพื้นฐานของกิจการ(บริษัท) และราคาหุ้นที่ต้องไม่แพงจนเกินไป ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณาลงทุนในหุ้น IPO
นักลงทุนควรศึกษาธุรกิจของบริษัทที่สนใจให้ถ่องแท้ และลงทุนบนพื้นฐานความรู้และความเชื่อมั่น ในธีมอุตสาหกรรม ที่ควรต้องเติบโตได้อีกอย่างน้อย 3 ปี การจะลงทุนหุ้น IPO ต้องแยกให้ออกว่า นี่คือการลงทุนด้วยเทรนด์ ที่จะเติบโตได้นานจริง หรือเป็นเพียงแค่แฟชั่นที่เป็นเพียงกระแสหวือหวาเท่านั้น ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจคือ การเติบโตของผลประกอบการ ซึ่งเป็นตัวเลข ที่สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐาน และนำมาคาดการณ์กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของแต่ละบริษัทได้
โดยสรุป ...ผมคิดว่าหุ้น IPO ถ้านานๆมีมาให้รายย่อยจองได้ และมีพื้นฐานกิจการใช้ได้ เช่น ทำธุรกิจในเทรนด์ใหญ่ อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต เป็นผู้นำตลาด สินค้าเป็นที่นิยม มีการเติบโต ฯลฯ และราคาพอรับได้ ถ้าเป็นผม ก็คงจะเลือกจองหุ้นIPO ไว้ก่อนครับ เพราะจำนวนที่จะจองได้ มักจะจองได้กันไม่เยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าจะซื้อเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ ต้อง พิจารณาทั้งปัจจัยเชิงคุณภาพและราคาหุ้น
หลักการการลงทุนในหุ้นที่เน้น “good stock at good price” ยังคงไว้ใจได้เสมอ