#มือใหม่เริ่มลงทุน

ความเสี่ยงของการลงทุนต่างประเทศ

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
99 views

การลงทุนต่างประเทศได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องด้วยข้อมูลที่เปิดกว้างมากขึ้น นักลงทุนคนไทยมีเงินทุน เข้าถึงอินเตอร์เน็ต เข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารได้ง่าย อีกทั้งมีโบรคเกอร์ของไทยจำนวนมากมีบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสาร การจัดการภาษีในแต่ละปี เรียกได้ว่าแทบจะสะดวกสบาย

ที่ผ่านมา "หุ้นไทย" ไม่ค่อยโดดเด่น สู้ตลาดหุ้นต่างประเทศไม่ได้ที่มีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เติบโตสูงมาก ในขณะที่หุ้นไทยส่วนใหญ่จะเป็น Old Economy ซะมากกว่าเช่น กลุ่มแบงก์ กลุ่มพลังงาน ที่ค่อนข้างเติบโตช้า ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่คนไทยจะเริ่มให้ความสนใจในตลาดหุ้นต่างประเทศ

แต่ทุกสิ่งมีด้านดี ก็ต้องมีด้านไม่ดี ...
มีผลตอบแทน ก็ต้องมีความเสี่ยงตามมา  ... เรามาดูกันว่าหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงอะไรที่เราต้องตระหนักและระมัดระวังไว้บ้างครับ


1. ลงทุนต่างประเทศ ต้องมีเงินมากระดับหนึ่ง เพราะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่สูง
หุ้นไทยมีค่าธรรมเนียมซื้อขายเริ่มต้นที่ 50 บาท ในขณะที่การลงทุนในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง หรืออเมริกา ต้องเจอค่าธรรมเนียมที่สูง
เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง เริ่มต้นที่ 200 ดอล์ล่าร์ ฮ่องกงดอลล่าร์ ก็อยู่ที่ประมาณ 700 บาท ถ้าเราซื้อและขาย ก็จะอยู่ที่ 1400 บาท หรือตลาดหุ้นอเมริกาเริ่มต้นที่ 21 ดอล์ล่าร์ ก็จะประมาณ 600 บาท

... ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมในการแปลงสกุลเงินอีกจะอยู่ที่ประมาณ 1000 บาท ต่อการแปลงสกุลเงิน 1 ครั้ง เท่ากับว่าแปลงไป - แปลงกลับ ก็ต้องเสียอย่างน้อยแล้ว 2000 บาท การใช้เงินหลักหมื่น หลักแสนอาจจะไม่คุ้มค่าต่อการทำธุรกรรมเหล่านี้เท่าไรนัก


2. ลงทุนต่างประเทศ ต้องมีเวลา ต้องใช้กำลังที่มาก
คนจะลงทุนต่างประเทศ จะต้องประเมินความพร้อมของตัวเองก่อน เช่น ความสามารถในการวิเคราะห์ เราขยันไหม เราทุ่มเทมากแค่ไหน และที่สำคัญคือ เรามีเงินมากเพียงพอหรือยัง
เราจำเป็นจะต้องเกาะติดสถานการณ์กับหุ้นตัวนั้นๆ เช่น การลงทุนในหุ้น Tencent ทำไมวันนี้หุ้น Tencent ถึงขึ้นแรง ... เพราะบริษัทกำลังจะเอาบริษัทลูกมาจดทะเบียน
หรือทำไมวันนี้หุ้น Tencent ถึงลงแรง ... เพราะการตรวจสอบอย่างเข้มงวดของรัฐบาลจีน เป็นต้น เรียกได้ว่าต้องเกาะติดสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา

เราต้องไม่ลืมว่าในต่างประเทศ มีนักลงทุนสถาบัน กองทุนขนาดใหญ่ที่มีทีมงาน มีบทวิเคราะห์ มีคนเก่งๆมาระดมสมองจำนวนมาก ในขณะที่เราไม่ทุ่มเท ไม่ขยันศึกษา เราจะเสียเปรียบอย่างมาก


3. ลงทุนต่างประเทศ คนไทยเสียเปรียบเพราะไม่เข้าใจในวัฒนธรรม
ทำไมคนถึงให้ความสนใจหุ้นตัวนี้ ทำไมฝรั่งถึงสนใจและยอมจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงในบริการอย่างนี้
นี้เรียกว่า "วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน" คนไทยเราอาจจะใช้ฟรีมาโดยตลอด เช่น บทวิเคราะห์หุ้น คนไทยเราเข้าถึงฟรี แต่ในต่างประเทศ จะเข้าถึงบทวิเคราะห์ บทวิจัยระดับสูงจะต้องเสียเงิน

หรือแม้แต่ธีมก็แตกต่างกัน อย่างเช่นตลาดหุ้นไทยให้คุณค่ากับกลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงแรม-ท่องเที่ยว ในขณะที่ตลาดฮ่องกงหรือจีน แทบจะไม่ให้คุณค่ากับกลุ่มค้าปลีก หรือกลุ่มโรงแรมเลย ราคาค่อนข้างนิ่ง นักลงทุนไม่นิยมเล่นกัน
สิ่งเหล่านี้เราจำเป็นจะต้องเข้าใจว่า คนที่นั้นเขานิยมอะไร ไม่นิยมอะไร

หรือในหุ้นเวียดนาม "หุ้นสนามบิน" โดยปกติหุ้นสนามบินจะเป็นลักษณะ 1 แห่ง 1 หุ้นสนามบิน แต่ของเวียดนาม หุ้นสนามบินเป็นเจ้าของทั่วประเทศ (เหมือนของไทยที่สนามบินส่วนใหญ่เป็นของ AOT)
หรือหุ้นโรงไฟฟ้า อย่างเวียดนามไม่ค่อยมีมูลค่า ไม่เหมือนของไทย
อย่างของไทย ผลิตได้เท่าไร ภาครัฐรับซื้อหมด มีสัญญา มีอัตราการรับซื้อ นักลงทุนเลยให้ Value สูง
แต่ของเวียดนาม ภาครัฐรับซื้อส่วนหนึ่ง ที่เหลือต้องขายในราคาถูกๆ หุ้นเลยไม่ค่อยขึ้น มูลค่าก็ยังถูกอยู่อย่างนั้น


4. หุ้นต่างประเทศ ขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งสูง ยิ่งเสี่ยง
ช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา รัฐบาลของอเมริกาแจกเงินให้ประชาชนเพื่อเอาไปใช้จ่าย จ่ายคืนหนี้ กระตุ้นเศรษฐกิจ นี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่คนเอาเงินฟรีเหล่านั้นมาซื้อหุ้น เลยส่งผลให้ตลาดหุ้นขึ้นทำ New High หลัง COVID-19 พอหุ้นขึ้น ความเสี่ยงมันก็เลยเพิ่มขึ้น

พอหุ้นได้รับความนิยมเพิ่มมาก ก็มีหลายบริษัทเข้ามาทำ IPO โดยบริษัทกว่า 80% เป็นบริษัทที่ยังขาดทุนอยู่ นี้อาจจะเป็นหลักฐานของสภาวะ "ฟองสบู่" ได้ระดับหนึ่ง


5. ตลาดหุ้นต่างประเทศ ผันผวนมาก
ตลาดหุ้นอเมริกา หรือฮ่องกง มีวอลุ่มเทรดมาก เลยส่งผลให้เกิดความผันผวนมาก จากที่บวกอยู่ดีๆก็สามารถกลับมาติดลบอย่างรวดเร็ว พูดง่ายๆคือมีความเก็งกำไรกันสูงมาก เช่น หุ้นตัวนี้กำไรน่าจะออกมาดี แต่ราคาหุ้นขึ้นไปรอกันก่อนตั้งนานแล้ว เรามาเห็นทีหลัง พองบออกปรากฏหุ้นไหลยาวเลยเพราะเขาขายทำกำไรกัน


ที่กล่าวมาถือเป็นความเสี่ยงของการลงทุนต่างประเทศ ดังนั้นอยากให้มองว่าการลงทุนต่างประเทศ เป็นการกระจายความเสี่ยง มากกว่าที่จะไปลงทุนแบบจริงๆจังๆ หรือขายหุ้นไทยทิ้งทั้งหมดแล้วไปลงทุนต่างประเทศเต็มตัวก็อาจจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป
เพราะยังไงหุ้นไทยก็ยังดูปลอดภัยกว่า เราเข้าใจมากกว่า เข้าถึงมากกว่า ถ้าเราซื้อผิดเวลาซื้อผิดราคา อย่างมากที่สุดก็คือ ติดดอย เราก็รอได้ แต่ถ้าหุ้นต่างประเทศ เราซื้อผิดตัวนี้คือมันอาจจะเหลือ 0 หรือมันไม่กลับมาอีกเลย นี้ถือเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระมัดระวังครับ


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง