จากธุรกิจรับจ้างผลิตข้าวกล่องแช่แข็งตามสั่งของลูกค้า สู่ธุรกิจเบเกอร์รี่แซนวิชอบร้อนที่ขายตามเซเว่นทั่วประเทศ มีการผลิตรสชาติใหม่ๆสร้างกระแสให้กับโลกโซเชียลได้ระดับหนึ่ง
เอาจริงๆ ตอนที่เซเว่นมีขายแซนวิชอบร้อนครั้งแรก ผู้เขียนก็เข้าใจว่า น่าจะเซเว่นผลิตเองขายเอง เพราะทางเซเว่นก็มีบริษัทลูกที่ทำเบเกอร์รี่โดยเฉพาะเหมือนกัน
แต่พอไปสืบค้นดูปรากฏว่าไม่ใช่ โดยผู้ผลิตเป็นของบริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL ตอนนี้เปิดโอกาสให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจการแล้วครับ
แต่เดียวก่อน ... อย่าคิดว่าเป็น IPO เราก็จะรีบจองโดยไม่สนใจอะไรเลยก็อาจจะผิดไปสักหน่อย
นี้เป็น 4 ข้อต้องรู้ก่อนลงทุนซื้อหุ้น NSL มีอะไรบ้างมาดูกันครับ ...
1. บริษัททำธุรกิจอะไร
จากข้อมูล Filling บอกว่า ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป (เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว) และนำเข้า และจำหน่ายเนื้อสัตว์และผักแช่แข็ง
... อ่านจากตรงนี้คนก็มองว่า ... อืมมม นะ ... ก็มีหลายบริษัททำอยู่ แต่ถ้าบอกว่าแซนวิชอบร้อนที่ขายกันในเซเว่น จะดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาทันที
ใช่แล้วครับ บริษัททำแซนวิชอบร้อนและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่จำหน่ายในเซเว่น นอกจากนี้ยังมีผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ “Bakery Arigato” จำหน่ายในท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตและแฟมิลี่มาร์ท “Natural Bites” ขนมเพื่อสุขภาพ “ChiLee” ขนมพริกกรอบแปลกใหม่ที่พ่วงนวัตกรรมเปลี่ยนพริกเป็นขนมได้ “Pangtai” ปังไท พายแท่งและขนมปังกรอบ รวมทั้งการนำเข้าอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เจาะเข้าเชนร้านอาหาร โรงแรมและซูเปอร์มาร์เก็ต
... เรียกว่ามีความหลากหลาย ตอบโจทย์กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และฐานลูกค้าที่หลากหลาย
2. ราคา IPO ที่ 12 บาท แพงไปไหม ?
ถ้าเทียบจากกำไรในปี 2563 คิดเป็น P/E ที่ 17.9 เท่า เทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันจะมี P/E สูงถึง 27-32 เท่า
อย่าลืมว่านี้ขนาดคิดจากปี 2563 ที่ผ่านวิกฤต COVID-19 มาด้วยนะครับ
ราคาพาร์ อยู่ที่ 1 บาทต่อหุ้น
มูลค่าตามบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 2.02 บาทต่อหุ้น
ดังนั้นถ้าดูจากค่า P/E เทียบกับกลุ่มแล้วถือว่าไม่แพงเลย แถมยังคิดจากช่วงวิกฤต COVID-19 ด้วย ประเด็นนี้ถือว่าน่าสนใจ
3. มาส่องผลประกอบการกันสักหน่อยครับ ...
บริษัทมีสัดส่วนรายได้หลักๆมาจากธุรกิจเบเกอร์รี่ และธุรกิจ Food Services รวมๆแล้วกว่า 98% แต่ถ้าให้แยกย่อยออกมาจะแบ่งออกมาเป็น
>> ธุรกิจเบเกอร์รี่ 94% (หลักๆมาจากเซเว่น แสดงว่ามีอิทธิพลพอสมควร)
>> ธุรกิจขนมภายใต้แบรนด์ตัวเอง 0.5%
>> ธุรกิจ Food Services 4.5%
>> ขายเศษขนมปัง 0.5%
>> อื่นๆ 0.2%
ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2561 บริษัทมีรายได้ 3.13 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 79.2 ล้านบาท
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 3.37 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 156.3 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 2.92 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 151.4 ล้านบาท
อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ราวๆ 16% และอัตรากำไรสุทธิ 5%
4. บริษัทเอาเงินไปทำอะไรบ้าง หลังการระดมทุนแล้ว ?
จากข้อมูล Filling คาดว่าบริษัทจะได้รับเงินไป 9 ร้อยล้านบาท โดยมีจุดประสงค์ของการใช้เงิน 3 ประการด้วยกัน คือ
>> คืนหนี้จากสถาบันการเงิน 350 ล้านบาท
>> ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 200 ล้านบาท
>> ลงทุนโครงการใหม่ ขยายการเติบโต 350 ล้านบาท
น่าสนใจตรงทุ่มงบอีก 350 ล้านบาทขยายการเติบโต โดยบริษัทชี้แจงเพิ่มเติมว่าบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตสำหรับโครงการใหม่โดยก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่และเครื่องจักรมูลค่าประมาณ 350 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตรองรับการผลิตที่สามารถสร้างรายได้สูงสุด 1,200 ล้านบาทต่อปี
โดยจะลงทุนในตัวโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี จะใช้เวลา 1 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 โดยโรงงานใหม่นี้จะผลิต 3 กลุ่มสินค้า คือ
1.อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน
2. อาหารพร้อมรับประทานแบบไม่ต้องแช่เย็น เช่น แกงและกับข้าว
3. อาหารกึ่งสำเร็จรูป
นี้ก็เป็น 4 ข้อต้องรู้สำหรับนักลงทุนที่อยากจะจองซื้อ IPO หุ้น NSL โดยเปิดจอง 11-13 พ.ค.และซื้อขายวันแรก 19 พ.ค. 64 นี้ครับ
======================
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
ข้อมูล Filling ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย