#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

DMT … มีดีที่ปันผล แต่การเติบโตต้องติดตาม

โดย Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
เผยแพร่:
305 views

ถ้าเราต้องการหนีรถติดเวลาขับรถอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต หรือต้องการเดินทางแบบรีบด่วนเพื่อไปสนามบินดอนเมือง หรือยิงยาวไปลงรังสิต ก็สามารถขึ้นดอนเมืองโทลล์เวย์ ทางยกระดับลอยฟ้าได้เลย ระยะทางยาว 21 กิโลเมตร

แต่คุณต้องเตรียมเงินให้พร้อม 115 บาท สุดสาย สำหรับรถ 4 ล้อ แต่ถ้ารถใหญ่กว่านั้น ให้เตรียมเงิน 155 บาท และตามแผนที่วางไว้คือ จะขึ้นราคาทุก 5 ปี ประมาณ 15 บาท

ธุรกิจแบบนี้เรียกว่า BTO (Build – Transfer – Operated) คือ เอกชนเป็นคนสร้างทางยกระดับขึ้นมา แล้วโอนกรรมสิทธิ์ให้กรมทางหลวง และก็ได้รับสิทธิ์บริหารจัดการตามสัญญาสัมปทาน ล่าสุดสัญญาจะจบในปี 2577 หรืออีกประมาณ 13 ปี


== ธุรกิจแบบ DMT เข้าใจไม่ยาก แบบนี้ ==

1. รายได้มาจาก ปริมาณรถที่ขึ้น คูณกับค่าผ่านทาง ถ้ารถขึ้นเยอะก็จะได้เงินเยอะ กำไรก็ตามมา แต่ถ้ารถขึ้นน้อย ก็จะได้เงินน้อย และกำไรจะน้อยลงมากกว่า เพราะว่ามีต้นทุนคงที่ ทั้งต้นทุนสัมปทาน ต้นทุนค่าพนักงาน ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาต่างๆ ที่ไม่ว่ารถจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ต้องเสีย

2. ถ้าถนนด้านล่างซ่อม สร้าง ขุด เจาะ ฝนตก น้ำท่วม หรือรถติดมาก คนก็จะหนีขึ้นข้างบนกันหมด เหมือนอย่างปี 2561 ที่มีการทำถนนเยอะ ทำให้รายได้ DMT ดี

3. COVID ทำให้คนทำงานที่บ้าน เรียนหนังสือที่บ้าน สนามบินเที่ยวบินลดลง รายได้ DMT ก็จะลดลงตาม

4. วันจันทร์เช้า วันศุกร์เย็น คือ ช่วงรถเยอะ เพราะรีบไปทำงาน รีบกลับบ้าน หรืออาจจะไปเที่ยวต่อ ส่วนเสาร์อาทิตย์ และกลางวัน รถไม่เยอะ (จริงๆ น่าจะคิดราคาขึ้นลงตามช่วง peak กับ off-peak นะ)

5. เดือนเมษายน ตุลาคม ธันวาคม รถน้อยกว่าเดือนอื่น เพราะเป็นช่วงปิดเทอมกับวันหยุดเยอะ

================

ทีนี้เรามาดูปริมาณรถในแต่ละปีกันครับ
ปี 2561 ปริมาณรถเฉลี่ย 159,441 คัน ต่อวัน
ปี 2562 ปริมาณรถเฉลี่ย 147,290 คัน ต่อวัน
ปี 2563 ปริมาณรถเฉลี่ย 95,283 คัน ต่อวัน
Q1 ปี 2564 ปริมาณรถเฉลี่ย 73,258 คัน ต่อวัน

เราจะเห็นได้ว่า มีรถขึ้นใช้บริการโทลล์เวย์ลดลงทุกปี แต่เรื่องนี้มีสาเหตุเพราะว่าปี 2561 รถข้างล่างติดมากจากการทำถนน Local Road การสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีเขียว คนก็เลยหนีมาขึ้นข้างบนหมด พอปี 2562 คืนพื้นที่จราจร ก็ลงไปใช้ข้างล่างเช่นเดิม

พอปี 2563 และ Q1’64 เจอผลกระทบจาก COVID ปริมาณรถก็เลยลดลงอย่างเห็นได้ชัด บวกกับค่าผ่านทางเพิ่งปรับขึ้นมาตอนธันวาคม 2562 ด้วย รถก็เลยหายไปเยอะ


ในฝั่งของรายได้และกำไรก็สอดคล้องกัน คือ
ปี 2561 รายได้รวม 3,074 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,457 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้รวม 2,859 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,158 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้รวม 2,063 ล้านบาท กำไรสุทธิ 791 ล้านบาท

Q1’63 รายได้รวม 612 ล้านบาท กำไรสุทธิ 240 ล้านบาท
Q1’64 รายได้รวม 386 ล้านบาท กำไรสุทธิ 143 ล้านบาท


รายได้ลดลง กำไรลดลง ตามปริมาณรถที่ขึ้นลดลงจากผลกระทบของ COVID และเป็นไปได้สูงมากว่า Q2 กำไรก็คงไม่ดีเช่นกัน ที่สำคัญ อัตรากำไรก็ปรับลดลงด้วย จากปีที่ดี GPM 70% NPM 48% แต่ปีที่แย่ๆ GPM เหลือ 62% NPM 37% เพราะว่ามี Fix Cost ที่ต้องจ่ายอยู่

DMT ขายหุ้น IPO 140 ล้านหุ้น ราคา 16 บาท ได้เงินหลังหักค่าใช้จ่าย 2,172 ล้านบาท เอาไปใช้

>> 1,354 ล้านบาท คืนหนี้ระยะยาว
>> 330 ล้านบาท คืนหนี้ระยะสั้น
>> 488 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียน

สุดท้ายจะกลายเป็น Net Cash Company คือ ไม่มีหนี้ แล้วก็เลยเปลี่ยนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 90%

ถ้าคิดจากปีที่แล้ว กำไร 791 ล้านบาท จำนวนหุ้น 1,181 ล้านหุ้น ได้ EPS 0.67 บาท ก็จะจ่ายปันผล 0.60 บาท คิดเป็น yield 3.75% ที่ราคา 16 บาท

ถ้าสมมติกำไรกลับไปได้ที่จุดพีคเหมือนปี 2561 จะได้ EPS 1.23 บาท จะได้ปันผล 1.1 บาท คิดเป็น Yield 6.8%

ถ้าตีแบบกลางๆ เพราะเราก็ไม่รู้ว่ากำไรจะกลับไปได้ไวแค่ไหน และราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร เราก็พอจะหวังปันผลซัก 4-5% ได้จากหุ้น DMT


===============

อนาคตของ DMT เป็นอย่างไร
1. ระยะสั้นสุด ต้องหวังว่า COVID จบให้ไว ผู้คนสัญจรกลับมาใช้รถใช้ถนนตามปกติ รายได้ก็จะกลับมาเอง แต่ต้องระวังว่า หลายบริษัทก็จะเริ่มแบ่งกัน work from home รวมทั้งมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ามาเพิ่มมาแบ่งจำนวนคนใช้ถนนไป แต่อย่างน้อย ปี 2565 ก็น่าจะโตมากจากฐานที่ต่ำในปีนี้

2. ระยะถัดไป มีคดีความอยู่ระหว่างการตัดสิน (มี 2 คดีก่อนหน้า ยกฟ้องมาได้) ต้องตามดูว่าผลจะเป็นอย่างไร เพราะจะมีผลกับเรื่องการขึ้นราคา และสัญญาสัมปทาน

3. ถ้าคดีความจบด้วยดี สัญญาสัมปทานหมดอีก 13 ปี ต้องรอดูว่าจะต่อได้มั้ย ปกติจะต่อกัน 5 ปี ล่วงหน้าก่อนสัญญาหมด

4.โครงการภาครัฐมีรอให้ประมูลอีกหลายเส้นทาง เช่น นครปฐม-ชะอำ บางขุนเทียน-ปากท่อ รังสิต-บางปะอิน หรือแม้แต่ที่พักริมทางโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง แต่ไม่ได้การันตีว่าจะได้ ต้องเข้าประมูลอยู่ดี

โดยสรุป หุ้น DMT น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาปันผล 4-5% ส่วนการเติบโตต้องมองข้ามปีนี้ไป และตั้งสมมติฐานว่า จบ COVID การใช้รถบนโทลล์เวย์จะกลับมาคึกคัก ถึงแม้ว่าจะมีคน work from home หรือมีรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ามา

บวกกับมองว่า DMT จะได้ต่อสัญญาสัมปทาน และชนะงานประมูลภาครัฐ อีกทั้งแอบลุ้นว่า คดีความที่ศาลจะผ่านพ้นไปด้วยดี

ใครสนใจหุ้น DMT ทำการบ้านเพิ่มเติมกันได้เลยครับ วิตามินหุ้นเพียงให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง


ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow

https://www.facebook.com/pg/stock.vitamins

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง