#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

KEX กำลังเจอกับการแข่งขันที่รุนแรง

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
101 views

ช่วง 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ หุ้น KEX ถือว่าไม่ดีเลยในแง่ของราคาที่พยายามทำจุดต่ำสุดใหม่ ทำให้นักลงทุนเกิดความสงสัยว่ามีประเด็นในแง่ลบหรือไม่ ที่ทำให้หุ้น KEX ดูไม่ดีแบบนี้ ...

KEX เปิดเทรดวันแรกที่ 65 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO ที่ราคา 28 บาท เท่ากับว่าเปิดสูงถึง 132%  เลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าพื้นฐานของ KEX นั้นไม่ธรรมดาเลยเพราะบริษัท เป็นผู้นำธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนของไทย บริษัทมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกจังหวัด ด้วยจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง ศูนย์คัดแยกพัสดุ 9 แห่ง ศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่ง รถรับส่งพัสดุประมาณ 25,000 คัน

ในแง่ของรายได้นั้นก็ถือว่าดุดีอยู่มากทีเดียว
โดยในช่วงปี 2560 - 2562 นั้นบริษัทมีรายได้ระดับ 6.62 พันล้านบาท แต่ภายใน 2 ปี บริษัททำรายได้โตมากถึง 19.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตมากถึงเกือบ 200%

แต่ด้วยการเติบโตเร็ว และตลาดขนส่งนั้นก็มีโอกาสอีกมาก ก็ไม่แปลกใจที่จะมีคู่แข่งมากมายเข้ามา "ท้าทาย" ความสามารถของ KEX ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามราคา การขยายสาขา เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่ง

>> ปัจจัยหลัก คือ ราคาที่ถูกกว่า <<
ต้องยอมรับว่าการขนส่งนั้นไม่ได้มีความ Loyalty สักเท่าไรนัก ผู้บริโภคพร้อมเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาถ้ามีราคาที่ถูกกว่า และเข้าถึงได้ง่ายกว่า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จีนทุนหนาอย่าง Flash Express และ Best Express ที่พึ่งระดมทุนได้ไม่นานมานี้ก็ใช้เรื่องของราคาเข้าสู่ แบรนด์ของไทยอย่าง SCG Express และ Nim Express ก็มีจุดเด่นพร้อมจะแย่งส่วนแบ่งอย่างต่อเนื่อง

>> KEX เร่งขยายสาขา แต่แบรนด์อื่นก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน <<
ถึงแม้ว่าตลาด E-Commerce จะเติบโตเร็ว และ KEX ก็ได้เงินระดมทุนจากตลาดหุ้นไทยไปมีการขยายสาขาอย่างมาก เข้าถึงเครือข่าย Platform ออนไลน์ดังๆอยู่หลายเจ้า แต่ทาง Flash Express และ Best Express ก็ใช้กลยุท์เปิดสาขา "โมเดลแฟรนไชส์" ทำเป็นจุด Drop Off ทำให้ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว


>>การแข่งขันแรง จึงไม่แปลกที่ผลประกอบการจะสะดุดบ้าง <<
ไม่ง่ายเลยสำหรับธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ และนั้นจึงเป็นสาเหตุให้ผลประกอบการของหุ้น KEX นั้นอาจจะ "สะดุด" ลงได้บ้าง

บล.ทิสโก้ แสดงความคิดเห็นว่า
1. ผลประกอบการของหุ้น KEX ไตรมาส 1 รายได้อาจจะอ่อนตัวลงประมาณ 12%
2. ปัจจัยเชิงบวก คือ ภาพของอุตสาหกรรมเติบโต และประเทศไทยเกิดการระบาด COVID-19 รอบที่ 3 ทำให้คนหันมาซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้น
3. ปัจจัยเชิงลบ คือ การแข่งขันทางด้านราคา ทำให้ราคาต่อชิ้นลดลง โดยบทวิเคราะคาดว่า ราคาจะลดลงประมาณ 54 บาท/ชิ้น คิดเป็น -20% YoY

4. เมื่อราคาต่อชิ้นลดลง - สงครามราคาเกิด ย่อมทำให้อัตรากำไรสุทธิลดลงด้วย
5. บทวิเคราะห์แนะนำ "ถือ" เนื่องมาจากสงครามราคาที่โตเร็ว ถึงแม้ภาพรวมของอุตสาหกรรมจะเติบโตก็ตาม


หุ้น KEX ถือเป็นอีกบททดสอบความแข็งแกร่งของบริษัทว่าจะผ่านช่วงของสงครามราคาได้หรือไม่ บริษัทจะมีอะไรใหม่ๆเพื่อเพิ่มกำไรตามความคาดหวังของผู้ถือหุ้นได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่น่าติดตามมากๆครับ
ปัจจุบัน KEX ซื้อขายที่ P/E ที่ 54.8 เท่า อัตราปันผลประมาณ 0.5%

------------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ TISCO


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง