#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจหุ้นไทย บัญชีหุ้นพุ่งแตะ 4.2 ล้านบัญชี ดันวอลุ่มเทรดเพิ่ม 51%

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
155 views

เป็นประเด็นที่น่าสนใจที่นักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจลงทุนในหุ้นไทยกันมากขึ้น บัญชีหุ้นมากถึง 4.2 ล้านบัญชี โดยเฉพาะปีนี้เปิดมากกว่า 6 แสนบัญชี และยังช่วยหนุนให้วอลุ่มเพิ่มมากขึ้นกว่า 50%

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้มีนักลงทุนเปิดบัญชีใหม่แล้วอย่างน้อย 5-6 แสนบัญชี ทำให้จำนวนบัญชีหุ้นรวมอยู่ที่ 4.2 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วง 1-2 ปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 3 ล้านบัญชี

ส่วนแนวโน้มของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ช่วงนี้มีโอกาสผันผวนสูง ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและนโยบายของแต่ละประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการดึงสภาพคล่องกลับ
...อย่างไรก็ดีเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในไทยบ้าง และหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวชัดเจน เชื่อว่าจะเห็น Fund Flow ไหลเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ส่วนการขายหุ้นไทยของต่างชาติ 1 หมื่นล้านบาท เมื่อวานนี้ (5 พฤษภาคม) ถือว่าไม่ปกติ เนื่องจากประเด็นข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจสำคัญจากต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกมีการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการตอบสนองต่อข่าวที่มากเกินไป ทำให้เริ่มเห็นตลาดฟื้นตัวกลับมาได้เร็วในวันนี้


บล.หยวนต้า  วิเคราะห์ว่า แรงขายต่างชาติที่ออกมาในระดับหมื่นล้านบาท เป็นผลจากการที่สถานการณ์โควิด-19 ในไทยยังไม่ดีขึ้นในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา และอาจมีคำสั่งตกค้างอยู่บ้างส่วน แต่การขายออกไปในระดับหมื่นล้านบาทเพียงวันเดียว ทำให้แรงขายอาจจะหมดไปแล้วในช่วงนี้

ขณะเดียวกันส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตัดสินใจไม่ปรับเกณฑ์คำนวณดัชนีใหม่ ทำให้หุ้นกลุ่มแบงก์ซึ่งอาจจะถูกซื้อเพื่อเก็งกำไรบางส่วนถูกขายออกมาจนปรับตัวลงมากกว่าตลาด


บล.โนมูระ พัฒนสิน แสดงความเห็นว่าต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเอเชีย 821 ล้านดอลลาร์ ทำให้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขายสุทธิทั้งหมด 1,730 ล้านดอลลาร์ โดยขายหุ้นไทยอย่างมีนัยยะที่ 336 ล้านเหรียญ หรือราว 1.05 หมื่นล้านบาท

จากการศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่า หลังวันที่ต่างชาติขายสุทธิสูงสุด 10 อันดับแรก ภาวะตลาดหลักจากนั้นอีก 1 วัน 3 วัน และ 1 สัปดาห์ มักเป็นภาพ Sideway อย่างไรก็ดีปัจจัยพื้นฐานรอบนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง จากผลกระทบของการระบาดระลอก 3 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมจะปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 2564-2565 ลงในเดือนมิถุนายนนี้ เบื้องต้นจะแบ่งคาดการณ์ออกเป็น 3 ความเป็นไปได้ โดยอิงเศรษฐกิจกับการกระจายและเร่งฉีดวัคซีน ดังนี้

>> กรณีแรก หากจัดหาและฉีดวัคซีนได้เร็ว และสามารถฉีดวัคซีนได้ราว 100 ล้านโดสภายในปีนี้ ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า คาดว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะกระทบเพียงไตรมาส 2 ปีนี้ และหลังจากนี้จะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวที่ดีขึ้น กรณีนี้คาด GDP ปี 2564 และ 2565 จะโตที่ 2% และ 4.7% ตามลำดับ กรณีนี้มอง SET มีกรอบแนวรับที่ 1,480-1,520 จุด

>> กรณีที่สอง หากการจัดหาและกระจายวัคซีนได้เพียง 64.6 ล้านโดสภายในปีนี้ ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในไตรมาส 3 ปีหน้า กรณีนี้คาด GDP จะเติบโต 1.5% และ 2.8% ตามลำดับ กรณีนี้มอง SET มีกรอบแนวรับที่ 1,440-1,470 จุด

>> กรณีที่สาม หากการจัดหาและกระจายวัคซีนได้ช้ากว่าแผนเดิม น้อยกว่า 64.6 ล้านโดสในปีนี้ ทำให้ภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในไตรมาส 4 ปีหน้า จะทำให้ GDP ปีนี้โตเพียง 1% และปีหน้าโตเพียง 1.1% กรณีนี้มอง SET มีกรอบแนวรับที่ 1,380-1,420 จุด

จะเห็นว่ากรอบล่างของคาดการณ์ตลาดปัจจุบันและการฟื้นตัวปีหน้าค่อนข้างต่ำ ดังนั้นคาดว่าจะเห็นตลาดเริ่มปรับประมาณการลงอีกในช่วงถัดไป โดยเฉพาะหุ้นอิงกับเศรษฐกิจในประเทศและกลุ่มท่องเที่ยว รวมถึงภาคบริการที่จะเป็นตัวถ่วงตลาด


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง